"ออสซี่" จับมืออาเซียนหนุนภูมิภาคมั่นคงผนึก ศก.โต

อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 2561
  • Share :
  • 385 Reads   

แม้ว่า "ออสเตรเลีย" ไม่ได้เป็นสมาชิกหลักของประชาคมอาเซียน แต่ก็พยายามอย่างหนักในการเพิ่มบทบาทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการจัดการประชุมนัดพิเศษ "การประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย" เมื่อวันที่ 17-18 มี.ค. เป็นครั้งแรก ภายใต้กรอบการเจรจาในทุกมิติ โดยเฉพาะ "ความมั่นคงทางไซเบอร์" ขณะที่นักวิเคราะห์รอติดตามผลหลังผู้นำอินโดนีเซียออกปากเชิญให้ออสเตรเลียเข้าร่วมในฐานะสมาชิกอาเซียนอย่างเต็มตัว

วาระประชุมออสเตรเลีย-อาเซียน ที่จัดขึ้นในนครซิดนีย์มีการพูดคุยกันภายใต้กรอบหลักอย่าง การส่งเสริมความมั่นคงในภูมิภาค ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการเมือง โดยหนึ่งวันก่อนเริ่มการประชุมสุดยอด ออสเตรเลียได้จัดเวทีประชุม SMEs Conference เชิญซีอีโอกว่า 100 บริษัทในอาเซียนมาพบปะกับฝั่งออสเตรเลีย เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการออสเตรเลียเกี่ยวกับโอกาสในตลาดอาเซียน

ในระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรี "มัลคอล์ม เทิร์นบูลล์" แห่งออสเตรเลีย กล่าวถึงความปลอดภัยและมั่นคงภายในภูมิภาค หนึ่งในจุดประสงค์สำคัญของการประชุมครั้งนี้ ออสเตรเลียต้องการมีส่วนร่วมการพัฒนากับอาเซียน ยิ่งในปัจจุบันกลุ่มก่อการร้ายมีการระดมทุนแบบใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเงินดิจิทัล และแพลตฟอร์มการระดมทุนต่าง ๆ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มก่อการร้าย

การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างออสเตรเลียและอาเซียน ก็เพื่อเพิ่มความร่วมมือในการต่อต้านกลุ่มหัวรุนแรง พร้อมสกัดการระดมเงินทุนที่ใช้ในการสนับสนุนขบวนการก่อการร้าย ดังนั้น การแบ่งปันข่าวกรองจะช่วยเอื้อต่อการแกะรอยแหล่งกบดานของกลุ่มก่อการร้ายได้ง่ายขึ้น

ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลักดันเรื่อง "ความปลอดภัยทางไซเบอร์" มานาน พยายามทำให้การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารไร้ซึ่งหลักเกณฑ์ โดยเสนอให้ทุกประเทศในภูมิภาคสามารถเข้าถึงข้อมูลระหว่างกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยกฎหมายดังกล่าวสามารถร่วมกันกำหนดตามความเหมาะสมได้ รวมถึงผลักดันความสามารถในการดำเนินคดีระหว่างกัน ซึ่งที่ผ่านมาผู้แทนจากออสเตรเลียเคยเข้าหารือร่วมกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย อาทิ จีน และสิงคโปร์

เช่นเดียวกับที่ ดร.โทไบอัส ฟีคิน เอกอัครราชทูตด้านกิจการไซเบอร์ออสเตรเลีย ที่เดินทางเยือนประเทศไทยหนึ่งอาทิตย์ก่อนการประชุมเพื่อมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในการเฝ้าระวังภัยคุกคามด้านไซเบอร์ และส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือระหว่างบุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ในการประชุมออสเตรเลียได้ยกประเด็นการเพิ่มบทบาทของ RCEP หรือความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เพื่อย้ำจุดยืนสนับสนุนการค้าเสรีมากกว่าการกีดกันการค้า โดยนายกฯออสซี่ย้ำว่า "หากเราบรรลุข้อตกลง RCEP เร็วขึ้น อาจเป็นหนทางการต่อต้านลัทธิกีดกันการค้าได้ รวมถึงข้อตกลง CPTPP หรือ TPP-11 ที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าเสรีที่เปิดกว้างต่อไป"

ในแง่การพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างกันจะมุ่งไปสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูงมากขึ้น โดยออสเตรเลียประกาศจะให้เงินสนับสนุนวงเงิน 30 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย สำหรับโครงการ "สมาร์ท ซิตี้" พร้อมจัดตั้งธนาคารให้คำปรึกษาในการวางผังเมืองอย่างยั่งยืน ทั้งจะออกแบบพิเศษเพื่อการรองรับกับสังคมเมืองที่จะขยายตัวมากขึ้นในอาเซียน โดยคาดว่าจะมีประชาชนกว่า 90 ล้านคน โยกย้ายที่อยู่อาศัยสู่ตัวเมืองภายในปี 2030

อีกหนึ่งความน่าสนใจที่ต้องติดตามหลังจบการประชุมสุดยอด ก็คือ การที่ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย เอ่ยปากเชิญออสเตรเลียร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเต็มตัว พร้อมเปิดโอกาสให้เข้ามามีบทบาทในภูมิภาคมากขึ้นทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากสิงคโปร์ มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ออสเตรเลียจะร่วมเป็นสมาชิกใหม่อาเซียน แม้จะไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ แต่ด้วยศักยภาพในหลายด้านเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งผู้นำอินโดนีเซียได้กล่าวยกย่องว่า การร่วมผนึกเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของอาเซียนจะทำให้ภูมิภาคมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น