อุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ในปี 2019 และหลังจากนี้

อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 2562
  • Share :
  • 1,279 Reads   

ภาคอุตสาหกรรมคาดความต้องการจากยุค “Data Economy” จะช่วยให้เกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ในระยะยาว แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ตาม ในขณะที่ตลาด Semiconductor Manufacturing Equipment ส่อแววประสบปัญหาในปี 2019 จากสงครามการค้าที่ทำให้ความต้องการในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ดลง

กาารลงทุนที่หยุดชะงัก

เมื่อวันที่ 28 มกราคม Mr. Jensen Huang CEO บริษัท Nvidia หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ค่ายสหรัฐฯ เผย “ไตรมาสนี้มีเรื่องน่าแปลกใจหลายอย่าง จนอาจทำให้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามเป้า” และมีการปรับลดยอดการคาดการณ์ลงมา โดยคาดว่า ในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนพฤษจิกายน 2018 ถึงเดือนมกราคม 2019 จะปิดยอดที่ประมาณ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากเป้าหมายเดิม 19% ซึ่งเป็นผลจากยอดจาย GPU (Graphics Processing Unit) ที่ไม่เป็นไปตามเป้า และความต้องการจาก Data Center ที่อยู่ระหว่างการชะลอตัว

CEO Jensen Huang กล่าวต่อว่า “เรามั่นใจในแผนธุรกิจ และการเติบโตของเราเป็นอย่างยิ่ง” อย่างไรก็ตาม การปรับลดยอดการคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วงลงมาถึง 14% ซึ่ง Mr. Takeo Miyamoto นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Mitsubishi UFJ Securities ให้ความเห็นว่า “คงเป็นเรื่องชั่วคราว หากสงครามการค้าไม่ยืดเยื้อไปกว่านี้”

โดยในช่วงกลางถึงปลายปี 2018 มีการชะลอตัวในการลงทุนภายในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า “เป็นเพียงการชะลอตัวเพื่อดูท่าทีเท่านั้น เพื่อพิจารณาย้ายการลงทุนไปยังประเทศที่เหมาะสม”

Mr. Eiji Kakiuchi ประธานบริษัท Dainippon Screen ผู้ผลิต Semiconductor Manufacturing Equipment รายใหญ่ค่ายญี่ปุ่น กล่าวว่า “ในปีนี้เป็นปีที่ผู้ผลิตต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก ด้วยสถานการณ์หลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั่วโลก” ในขณะที่ Mr. Atsushi Horiba ประธานบริษัท Horiba ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน Semiconductor Manufacturing Equipment แสดงทัศนะว่า “ในปีนี้ หากไม่ทดลองอะไรใหม่ ๆ ก็คงยากที่จะเติบโตได้”

Mr. Toshiki Kawai CEO บริษัท Tokyo Electron แสดงความเห็นว่า “ภายในจีนยังมีความต้องการเซมิคอนดัคเตอร์เป็นอย่างมากจากตลาด FPD (Flat Panel Display) อยู่ ซึ่งหากมุ่งไปที่ตลาดนี้ได้ก็จะเป็นการดี” 

โดยภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ มีความเห็นว่าสถานการณ์เช่นนี้จะฟื้นตัวกลับมาในช่วงประมาณไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยจะขึ้นอยู่กับท่าทีของจีน และไต้หวันในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ ยังคงมั่นใจว่าในระยะยาวสถานการณ์จะดีขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าปี 2019 อาจจะเป็นปีที่ลำบากก็เป็นได้

จีน ตลาดที่น่าลงทุนที่สุด

ผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ และผู้ผลิต Semiconductor Manufacturing Equipment จับตามองตลาดจีนให้เป็นตลาดที่น่าลงทุนที่สุดในขณะนี้ โดยเป็นผลจากนโยบาย “Made in China 2025”

SEMI สมาคมเซมิคอนดัคเตอร์ จากสหรัฐอเมริกา รายงานว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2018 แม้จะมีการชะลอตัวบ้าง แต่ประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีมูลค่าการสั่งซื้อ Semiconductor Manufacturing Equipment สูงที่สุด โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 3,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตจากไตรมาสเดียวกันในปี 2017 ถึง 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในปี 2019 สงครามการค้าจะทำให้ตลาดจีนโตเพียง 4.0% เท่านั้น โดยมีอีกสาเหตุสำคัญคือ ความแพร่หลายของ IoT และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งต้องการเซมิคอนดัคเตอร์ประะสิทธิภาพสูง และเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีเป็นอย่างยิ่งทั้งในจีนและสหรัฐ

ในอีกด้านหนึ่ง Mr. Kazuma Sekiya CEO บริษัท Disco Corporation ได้แสดงความมั่นใจว่า “ความต้องการลงทุนเซมิคอนดัคเตอร์ในจีนจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งแม้จะเป็นไปได้ว่าอาจทำให้ปริมาณ Semiconductor Manufacturing Equipment ล้นตลาด แต่ก็สามารถมองว่าเป็นผลดีได้จนกว่าจะไปถึงขั้นนั้น”

โดยรวมแล้ว ภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์มีความเห็นที่ใกล้เคียงกันถึงสถานการณ์ขาลงในปี 2019 แต่ในอนาคต ที่ความต้องการ IoT และปัญญาประดิษฐ์จะมากขึ้นทั่วโลกจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์อย่างแน่นอน 

Mr. Takeo Miyamoto นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Mitsubishi UFJ Securities แสดงความเห็นว่า การที่สหรัฐฯ ไม่อาจส่งออก Semiconductor Manufacturing Equipment ไปยังจีนได้ จะส่งผลให้จีนไม่อาจเพิ่มสายการผลิต และส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตค่ายอื่นอย่างแน่นอน อีกทั้งหากความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในจีนลดลงแล้ว ความต้องการเซมิคอนดัคเตอร์ก็จะลดลงตามไปด้วย โดย Mr. Takeo ได้ยกกรณีของ Huawei มาเป็นตัวอย่าง ว่ากรณีการแบน Huawei ของสหรัฐ จะทำให้ทางบริษัทต้องลดปริมาณการผลิตลงให้เหมาะสม ซึ่งการผลิตสมาร์ทโฟนที่ลดลง ก็จะส่งผลในแง่ลบต่อความต้องการเซมิคอนดัคเตอร์ให้น้อยตามลงไป

อีกความเห็นหนึ่งมาจาก Mr. Shuuta Samegai หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Nissay Asset Management ผู้คาดการณ์ว่า ในปี 2019 มูลค่าตลาดเซมิคอนดัคเตอร์จะลดลงอย่างแน่นอน โดยยกกรณีของ Samsung ผู้ผลิต Semiconductor Memory รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งชะลอการลงทุนออกไปมาเป็นตัวอย่าง