ยอดขายรถเดือน พฤษภาคม 2563

รถยนต์ เดือน พ.ค. ขายลดลง 54.12%

อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 2563
  • Share :
  • 987 Reads   

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในประเทศ ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 ดังต่อไปนี้

ยอดขายรถยนต์ มีจำนวนทั้งสิ้น 40,418 คัน ลดลง 54.12% (MoM) แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2563 34.24% ยอดขายภายในประเทศเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้นและการช่วยเหลือของรัฐบาลต่อผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 

สำหรับภาพรวมตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2563 รถยนต์มียอดขาย 270,591 คัน ลดลง 38.18% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 

ยอดขายรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 97,348 คัน ลดลง 39.53% (MoM) แต่เพิ่มขึ้น 23.42% จากเดือนเมษายน 2563 

สำหรับภาพรวมตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2563 รถจักรยานยนต์มียอดขาย 606,951 คัน ลดลง 18.36% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 

นอกจากนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้รายงานสถานการณ์ตลาดรถยนต์และส่วนแบ่งตลาดในเดือนพฤษภาคม 2563  จากตัวเลขยอดขายรวม 40,418 คัน ซึ่งลดลง 54.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 65.1% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 47.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าสถานการณ์การขายของเดือนพฤษภาคม มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลได้ทยอยประกาศผ่อนปรนมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้บางธุรกิจที่ได้รับการผ่อนปรนเริ่มทยอยกลับมาดำเนินงาน ซึ่งส่งผลในเชิงบวกให้กับตลาดรถยนต์ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ยังคงอยู่ในช่วงของการค่อยๆฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ รวมถึงภาครัฐฯยังได้ออกมาตรการดูแลและเยียวยาเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ด้วย
 
ในส่วนตลาดรถยนต์สะสม 5 เดือน มีปริมาณการขาย 270,591 คัน  ลดลง 38.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 42.2% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 35.6% เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ไม่เพียงแต่ตลาดรถยนต์ไทย แต่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและทั่วโลกต่อเนื่องกัน 5 เดือน 
 
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม 2563
 
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 40,418 คัน ลดลง 54.1% 
 
อันดับที่ 1 โตโยต้า 13,611 คัน ลดลง 53.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,130 คัน ลดลง 35.3% ส่วนแบ่งตลาด 25.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 4,178 คัน ลดลง 62.8% ส่วนแบ่งตลาด  10.3%
 
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 11,733  คัน ลดลง 65.1%                                 
 
อันดับที่ 1 โตโยต้า 3,557 คัน ลดลง 62.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.3%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,514 คัน ลดลง 59.2% ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
อันดับที่ 3 ซูซูกิ 1,218 คัน ลดลง 37.3% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%
 
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,685 คัน ลดลง 47.4%                     
 
อันดับที่ 1 อีซูซุ 10,130 คัน ลดลง 35.3% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,054 คัน ลดลง 49.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.0%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,823 คัน ลดลง 50.9% ส่วนแบ่งตลาด  6.4%
 
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 23,137 คัน ลดลง 47.5%
 
อันดับที่ 1 อีซูซุ 9,318 คัน ลดลง 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 40.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 9,138 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 39.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,823 คัน ลดลง 50.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.9%
 
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,570 คัน
โตโยต้า 1,308 คัน- มิตซูบิชิ 420 คัน - อีซูซุ 363 - คัน- ฟอร์ด 277 คัน - นิสสัน 181 คัน - เชฟโรเลต 21 คัน
 
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 20,567 คัน ลดลง 46.8%
 
อันดับที่ 1 อีซูซุ 8,955 คัน ลดลง 32.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.5%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,830 คัน ลดลง 48.4% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,403 คัน ลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 6.8%
 
 
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2563
 
1.  ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 270,591 คัน ลดลง 38.2%                            
 
อันดับที่ 1 โตโยต้า 80,856 คัน ลดลง 43.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 59,393 คัน ลดลง 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 21.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 35,504 คัน ลดลง 32.4% ส่วนแบ่งตลาด 13.1%
 
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 98,948 คัน ลดลง 42.2%                                 
 
อันดับที่ 1 ฮอนด้า 29,702 คัน ลดลง 25.3% ส่วนแบ่งตลาด 30.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 25,124 คัน ลดลง 50.4% ส่วนแบ่งตลาด 25.4%
อันดับที่ 3 นิสสัน 10,908 คัน ลดลง 34.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%
 
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 171,643 คัน ลดลง 35.6%                     
 
อันดับที่ 1 อีซูซุ 59,393 คัน ลดลง 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 55,732 คัน ลดลง 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 32.5%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 12,854 คัน ลดลง 39.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%
 
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 136,833 คัน ลดลง 37.2%
 
อันดับที่ 1 อีซูซุ 55,205 คัน ลดลง 21.3% ส่วนแบ่งตลาด 40.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 48,890 คัน ลดลง 40.4% ส่วนแบ่งตลาด 35.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 12,854 คัน ลดลง 39.5% ส่วนแบ่งตลาด 9.4%
 
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 13,985 คัน
โตโยต้า 5,381 คัน – มิตซูบิชิ 3,265 คัน – อีซูซุ 2,448 คัน – ฟอร์ด 1,786 คัน – นิสสัน 495 คัน –เชฟโรเลต 610 คัน
 
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 122,848 คัน ลดลง 35.4%
 
อันดับที่ 1 อีซูซุ 52,757 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 43,509 คัน ลดลง 37.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 9,589 คัน ลดลง 38.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%

 

อ่านต่อ: ยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เดือน เม.ย. 2563