ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ ทุกคนจะ “ฟินน์” ไปกับยามาฮ่า

อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2560
  • Share :
  • 885 Reads   

ถือเป็นผู้บริหารที่มีสไตล์การบริหารงานที่มีความเฉพาะตัวค่อนข้างสูง สำหรับ “ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทย ยามาฮ่า จำกัด และยังถือเป็นคนคุณภาพ สำหรับแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีก 1 คน

ย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปีก่อน หลังจากเข้ามานั่งแท่นรองประธานกรรมการบริหาร ช่วงที่ต้องขับเคลื่อนองค์กรฝ่ามรสุม หลังภาวะวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่ของประเทศไทย เรียกว่ามารับหน้าเสื่อในช่วงพอดิบพอดี ช่วงนั้นถือเป็นความท้าทาย และความสนุก รวมทั้งยังสร้างความประทับใจให้กับผู้บริหารคนนี้

วันนี้ยามาฮ่าโลดแล่นกลับมาเติบโตอย่างดีวันดีคืน รวมทั้งสร้างแบรนด์ให้มีการเติบโต ด้วยสุขภาพที่แข็งแรง ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้ร่วมสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารคนเก่งในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนประกาศลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นปี

แน่นอนว่า ผู้บริหารคนนี้ยังไม่ละทิ้งโอกาส ที่จะฝากฝีมือด้วยการเขียนปฐมบทใหม่ให้กับยามาฮ่า ด้วยหัวหอกตัวใหม่ “ยามาฮ่า ฟินน์” ที่จะมาช่วยขับเคลี่อนให้ยามาฮ่าสามารถเพิ่มส่วนแบ่งได้ในทุก ๆ เซ็กเมนต์

Q: ผลประกอบการ 10 เดือน

ถือเป็นปีที่ดีสำหรับยามาฮ่า สถานการณ์ทุกอย่างถือว่าโอเค จากต้นปีที่ผ่านมาเราคิดว่า ตลาดรถจักรยานยนต์จะไม่ได้มีการเติบโตมากนัก หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ด้วยตัวเลขที่ 1.75 ล้านคัน ส่วนยามาฮ่าเอง เราตั้งเป้า 285,000 คัน โต 14% จาก 247,000 คัน ที่เราทำได้เมื่อปีที่แล้ว แต่จากสถานการณ์โดยรวมของตลาด วันนี้เชื่อว่าตลาดรวมน่าจะมีการปรับขึ้นไปถึง 1.8 ล้านคัน โต 13% ซึ่งช่วงที่ผ่านมาหากไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ยอดขายตลาดรวมน่าจะดีกว่านี้อีกมาก และยามาฮ่าเองเราก็ปรับตัวเลขขึ้นตามทิศทางของตลาดโดยรวม ซึ่งคาดว่าปีนี้เราจะมียอดขายไปแตะระดับ 300,000 คัน โดยเราจะมีการเติบโตเหนือตลาดคือ 18% สัดส่วนการจำหน่ายปีนี้ของ

ยามาฮ่าจะแบ่งเป็นรถเกียร์ธรรมดา หรือแบบครอบครัว 55,000 คัน มีสัดส่วน 17% เกียร์ออโตเมติก 172,000 คัน มีสัดส่วน 57% สปอร์ต 73,000 คัน มีสัดส่วน 26%

Q: มีปัจจัยอะไรที่สนับสนุน

สำหรับปัจจัยที่จะทำให้ยามาฮ่าเดินไปถึงตัวเลขดังกล่าวได้นั้น แน่นอนว่าเรามีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์หัวหอกรุ่นใหม่อย่างยามาฮ่า “ฟินน์” แต่ถ้าดูจากตัวเลขการเติบโตของตลาดช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเรายังไม่เปิดตัว “ฟินน์” นั้น ตลาดก็มีการเติบโตอยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 9 ปี เราอาจจะละเลยกับตลาดรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวหรือเกียร์ธรรมดา และห่างหายไปค่อนข้างนาน แม้ว่าเราจะมี “สปาร์ก” ซึ่งอาจจะมีไมเนอร์เชนจ์นิด ๆ หน่อย เนื่องจากการพัฒนารถแต่ละรุ่นมีการใช้เงินค่อนข้างเยอะ รวมทั้งมีการจัดลำดับความสำคัญ จากบริษัทแม่ที่ต้องวางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ อย่างรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกนั้น เป็นการพัฒนาเพื่อรองรับกับทุก ๆ ตลาดได้ทั่วโลก ส่วนรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดานั้น เป็นการรองรับตลาดเฉพาะประเทศไทย แน่นอนว่าพื้นฐานของการพัฒนารถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา ก็จะเป็นวิจัยและพัฒนาขึ้นที่เมืองไทย ซึ่งเป็นโมเดลเพื่อพัฒนาสำหรับคนไทย

Q: ความคาดหวังกับยามาฮ่า ฟินน์

ยามาฮ่าให้ความสำคัญและตั้งความสำคัญกับรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ค่อนข้างมาก รถรุ่นนี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อลูกค้าชาวไทย โดยเฉพาะเทรนด์ของตลาดส่วนใหญ่ไปที่ตลาดรถเกียร์ออโตเมติก แต่ประเทศไทยเป็นตลาดเฉพาะ ซึ่งเราได้พยายามคุยกับบริษัทแม่ เพื่อพัฒนารถรุ่นนี้ เนื่องจากตลาดช่วงเวลาที่ผ่านมา เราห่างหายจากตลาดนี้ไปพอสมควร ดังนั้น เราตั้งใจอย่างมาก เพื่อให้ทุกคน “ฟินน์” ไปกับเรา ด้วยการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุก ๆ ด้าน ผ่านฟังก์ชั่นการใช้งานด้านต่าง ๆ ทั้งความทนทาน ความประหยัด รวมไปถึงการดีไซน์แม้จะเป็นรถครอบครัว แต่ก็มีโมเดลแตกต่างจากทั่วไป ยามาฮ่า

ต้องการสร้าง “แบรนด์อะแวร์เนส” ให้กับยามาฮ่า “ฟินน์” ด้วยการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ทุ่มสรรพกำลังในการทำตลาดให้กับรถรุ่นนี้อย่างเต็มที่ จากปกติเราใช้งบฯ กับการเปิดตัวรถรุ่นก่อน อย่างสปาร์กเพียง 30-50 ล้านบาทเท่านั้น

ในเฟสแรก ทั้งการเพิ่มความถี่ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ สื่อกลางแจ้งจอแอลอีดีทั่วประเทศ รวมทั้งดึงนักร้องชั้นนำอย่างวง ROOM39 มาร่วมสร้างภาพลักษณ์เป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย มากความสามารถ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมทั้งแต่งเพลง แค่ฉันมีเธอ (FINN)

Q: สเต็ปต่อไปในการรุกตลาด

เฟสที่ 2 คือการกระตุ้นตลาดให้เกิดกระแส “ฟินน์” ฟีเวอร์ เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดและขาย รุกเข้าไปในทุกชุมชน ในรูปแบบเทศกาลแห่งความสุข “FINN World” มีตั้งแต่ระดับ XL คืองานใหญ่ระดับภาค ระดับ L, M, S ไปจนถึง SS คือดีลเลอร์จัดกันที่หน้าร้าน โดยบริษัทเข้าไปให้การสนับสนุน เฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นไม่น้อยกว่า 2,000 ครั้ง และยามาฮ่ายังได้เพิ่มความพิเศษสุด ๆ เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างความฟินน์ถึง 3 ต่อคือ การแจกหมวกกันน็อก 1 ใบ สำหรับผู้ขับ และอีก 1 ใบ สำหรับผู้ซ้อน และยังซัพพอร์ตตัวแทนจำหน่าย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เรียกว่าแค่นี้ทุกคนก็ ฟินน์ไปกับเรา ผ่านโปรโมชั่นพิเศษแถมหมวกกันน็อก FINN 2 ใบ มูลค่า 1,100 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค.

Q: ความประทับใจกับยามาฮ่า

สุดท้าย “ประพันธ์” ได้เปิดใจ เวลา วันนี้ แม้จะเหลือระยะเวลานั่งอยู่ในตำแหน่งหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนยามาฮ่าอีกไม่นานนัก แต่ยังคงทำทุกวันอย่างเต็มที่ ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่มาเริ่มสตาร์ตกับยามาฮ่า ผมก็อยู่ในตำแหน่งนี้เลย ได้ผ่านวิกฤตต่าง ๆ มากมาย เป็นช่วงเวลาที่ทำงานสนุกมาก เพราะได้ความรู้ที่สั่งสมมา เพื่อปรับปรุงแก้ไข เพื่อพาองค์กรก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ สิ่งสำคัญที่ผู้บริหารคนนี้เน้น และให้ความสำคัญมาเป็นอันดับต้น ๆ คือ การทำให้พนักงาน บุคลากร ได้ทำงานไปด้วยความสุข มีความเข้าใจอันดีภายในองค์กร สร้างบรรยากาศการทำงานที่ทุก ๆ คน และทุกพื้นที่จะต้องขับเคลื่อนไปด้วยพื้นฐานของความสุขต้องมาก่อน

ส่วนยอดการจำหน่าย เป้าหมายทางธุรกิจ จะเป็นอย่างไร สินค้าและแผนการตลาด จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน หากสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หรือไม่นั้น เราไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แต่เราจะสามารถช่วยเติมเต็ม เพื่อขับเคลื่อนและผลักดัน เพื่อนำพาให้ยามาฮ่าเดินไปสู่เป้าหมายได้ ด้วยพลังของคนยามาฮ่าทุกคน