สสว. ชวน 'เอสเอ็มอี' ขึ้นทะเบียน THAI SME-GP เข้าตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 1.3 ล้านล้านบาท

สสว. ชวน 'เอสเอ็มอี' ขึ้นทะเบียน THAI SME-GP เข้าตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 1.3 ล้านล้านบาท

อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 2564
  • Share :
  • 5,709 Reads   

จากกฎกระทรวงที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการของเอสเอ็มอีที่ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว. ในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ มีผลบังคับใช้เมื่อ 22 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา สสว. จึงเร่งเผยแพร่สิทธิประโยชน์ สนับสนุน SME ขึ้นทะเบียน THAI SME-GP  เพื่อเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

 

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังเปิดการประชุมเผยแพร่มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ “THAI SME-GP@นนทบุรี” ว่า การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำและเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP ที่ สสว. จัดทำขึ้น ภายใต้มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

นายวีระพงศ์ เผยว่า มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เป็นหนึ่งในมาตรการภายใต้กฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 โดยมี สสว. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบมาตรการดังกล่าว 

มาตรการนี้กำหนดสิทธิประโยชน์ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 2 วิธี คือ

  • วิธีที่ 1 การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก ซึ่งกำหนดให้ภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างจากสินค้าและบริการจากเอสเอ็มอีไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 โดยต้องคัดเลือกเอสเอ็มอีในจังหวัดก่อนอย่างน้อย 3 ราย
  • วิธีที่ 2 การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ซึ่งให้แต้มต่อเอสเอ็มอีไม่เกินร้อยละ 10 โดยเอสเอ็มอีที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP สามารถเสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดได้ไม่เกินร้อยละ 10 จะได้รับคัดเลือกอัตโนมัติ สำหรับเอสเอ็มอีที่ได้รับสิทธิประโยชน์ ต้องเป็นผู้ประกอบไทยที่เป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา หรือวิสาหกิจชุมชน ถ้าอยู่ในภาคการผลิต จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ถ้าอยู่ในภาคการค้าและภาคบริการ รายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาท

นายวีระพงศ์ เผยอีกว่า หากพิจารณาตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา ระหว่างปี 2561-2563 จะเห็นว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีมูลค่า 1.098 ล้านล้านบาท ปี 2562 มีมูลค่า 1.098 ล้านล้านบาท และปี 2563 คือ 1.3 ล้านล้านบาท โดยสินค้าหรือบริการที่ภาครัฐซื้อหรือจ้างในลำดับต้นๆ ตามข้อมูลของกรมบัญชีกลางปี 2563 คือ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ บริการทำความสะอาด อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บริการดูแลต้นไม้และสนามหญ้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องใช้ในครัวเรือน 

จากการที่รัฐบาลออกกฎกระทรวงที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการของเอสเอ็มอีที่ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว. ในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว นับเป็นการเปิดโอกาสสำคัญให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ จึงอยากให้เชิญชวนผู้ประกอบการมาขึ้นทะเบียนกับ สสว. ซึ่งสามารถขึ้นได้ด้วยตัวเองได้ที่ www.thaismegp.com และขอให้เชิญชวนให้เอสเอ็มอีที่เป็นผู้ค้าขาย (Vendor) กับหน่วยงานภาครัฐอยู่แล้ว ต้องมาขึ้นทะเบียน THAI SME-GP กับ สสว. เพื่อได้รับประโยชน์จากโอกาสนี้ด้วย

ผอ.สสว. เผยว่า นับตั้งแต่มาตรการมีผลบังคับใช้เมื่อ 22 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา สสว. ได้ดำเนินการให้ข้อมูลความรู้เพื่อขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมทางทางหลวง กองทัพอากาศ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทย ฯลฯ รวมถึงจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาอุปสรรค เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำนวน 2 ครั้ง ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อให้มาตรการนี้เป็นประโยชน์ต่อเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง ซึ่งคาดว่าภายในเดือนสิ้นเดือนมีนาคมนี้ จะมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียน ประมาณ 10,000 ราย และสิ้นปีงบประมาณ 2564 คาดว่าจะมี จะมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนประมาณ 100,000 ราย

นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ของ สสว. นี้ นับเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะหน่วยงานภาครัฐเป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อแน่นอน และการที่ สสว. เลือกมาดำเนินการจัดกิจกรรมใหญ่ครั้งแรกที่จังหวัดนนทบุรี ก็จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัดนนทบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง เพราะจากข้อมูลพบว่า จังหวัดนนทบุรีมีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร 

“จังหวัดนนทบุรี มีผู้ประกอบการรวมทั้งสิ้น 75,180 ราย หากสร้างการรับรู้ในวงกว้างเพื่อให้มาขึ้นทะเบียนไว้กับ สสว. มากยิ่งขึ้นก็จะสร้างโอกาสให้ได้รับการซื้อหรือจ้างงานจากหน่วยงานของรัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีได้มากขึ้นซึ่งเป็นช่องทางการสร้างรายได้ให้กิจการได้ดีอีกทางหนึ่ง”

รอง ผวจ. นนทบุรี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยแห่งความสำเร็จของมาตรการคือ การมีข้อมูลและจำนวนสินค้า/บริการที่มากพอให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างให้สอดคล้องกับความต้องการ ดังนั้น จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการทุกราย หากยังมิได้ขึ้นทะเบียนเอสเอ็มอี เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไว้กับ สสว. ก็สามารถขึ้นทะเบียนได้ด้วยตนเองที่เว็บไซต์ www. thaismegp.com 

สำหรับการจัดงานประชุมเผยแพร่มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ “THAI SME-GP@นนทบุรี” ของ สสว. ในครั้งนี้ ได้จัดให้มีการเสวนา “ตลาดภาครัฐโอกาสใหม่สำหรับ SME ไทย” เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้ประกอบการต้นแบบที่สามารถสร้างกิจการให้เติบโตได้ด้วยตลาดภาครัฐ ได้แก่ บริษัท พลาดิน เวิร์คแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้าทางการแพทย์ส่งขายกลุ่มโรงพยาบาล บริษัท ศรีสะเกษการพิมพ์ จำกัด ธุรกิจโรงพิมพ์และงานที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียง วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำสวนเพื่อการผลิตและแปรรูปผลผลิตเกษตร จ.ลำพูน เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งตราแสนผึ้ง และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่จะเริ่มงานภาครัฐด้วยการขึ้นทะเบียน THAI SME-GP เป็นต้น 

ทั้งนี้ สสว. มีแผนที่จะจัดงานดังกล่าวทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2564 นี้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบ THAI SME-GP เป็นประโยชน์และเป็นโอกาสให้กับกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง

 

อ่านข่าว SME เพิ่มเติม: