023-EV-Manufacturing-Battery-Motor-Mitsubishi

ฟังให้ชัด…”แบตเตอรี่-มอเตอร์” ยังไม่มีค่ายรถยนต์รายใดผลิตได้เอง

อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 2562
  • Share :
  • 636 Reads   

สำหรับคำถามที่หลายคนอาจจะยังคาใจ…

โอกาสที่ประเทศไทยจะมีศักยภาพในการผลิตแบตเตอรี่ และมอเตอร์ เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้า, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และไฮบริดหรือไม่นั้น

“โอซามุ มาสุโกะ” ซีอีโอใหญ่ค่ายมิตซูบิชิ ไขความกระจ่างและตอกย้ำความจริงที่ว่า

“วันนี้ไม่มีค่ายรถยนต์รายใดที่สามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดได้เลย”

โดยชิ้นส่วนหลักที่ว่าก็คือ “แบตเตอรี่” และ “มอเตอร์ไฟฟ้า” ซึ่งประเทศไทยมีความต้องการที่จะผลิตชิ้นส่วนสำคัญทั้ง 2 ชิ้นนี้

ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีดีมานด์ที่เรียกว่า “มาก” พอในระดับหนึ่งก่อนและปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้องใช้เงิน “ลงทุน” สูงมาก

“มาสุโกะ” ฉายภาพต่อว่า…

ปัจจุบันยังไม่มีผู้ผลิตรถยนต์รายใดที่มีศักยภาพ หรือจะสามารถผลิตแบตเตอรี่ได้เลย

ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะผลิตรถประเภทนี้ได้

อันดับแรกต้องให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่รู้สึกว่าน่าสนใจ ที่จะเข้ามาผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยก่อน

และจุดสำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับ “ดีมานด์” ภายในประเทศ และสถานการณ์ก่อนที่จะมาลงทุนในท้องถิ่น

“มิตซูบิชิ” ไม่สามารถผลิต “แบตเตอรี่” เองได้

แต่มิตซูบิชิมุ่งหวังที่จะ “ประกอบ” ในประเทศไทย

โดยขณะนี้สิ่งที่เตรียมการอยู่เพื่อประกอบแบตเตอรี่ และรถยนต์ประเภทนี้ให้ได้ ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

เช่น จำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิ หรือแบตเตอรี่ที่ผลิตใหม่ ๆ ต้องมีการเก็บรักษาชั่วคราวก่อน

ปัจจุบันโนว์ฮาวตรงนี้อยู่ที่ “ญี่ปุ่น”

แต่ “มิตซูบิชิ” พยายามตั้งใจที่จะนำโนว์ฮาวตรงนี้เข้ามาเช่นเดียวกัน การทำให้ลูกค้าชาวไทยให้การตอบรับรถยนต์ประเภทนี้มากน้อยเพียงใดนั้นอาจจะต้องอาศัยแรงสนับสนุน

อย่างเช่นในยุโรป ที่มีข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมสูง ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้ตลาดของรถประเภทนี้โตค่อนข้างสูง

หรือในญี่ปุ่น ยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐบาลให้เงินอุดหนุนผู้ใช้รถยนต์ประเภทนี้

ดังนั้น ประเทศไทยคงต้องมาดูกันว่า ต้องการสนับสนุนและส่งเสริมให้รถยนต์ประเภทนี้ไปในทิศทางใด

ส่วนมิตซูบิชินั้นเตรียมแนะนำรถยนต์เอสยูวี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด “เอาต์แลนเดอร์” ออกสู่ตลาดประเทศไทยในปีหน้า

ซึ่งจะเริ่มขึ้นไลน์ผลิตราวกลางปี 2563 และมิตซูบิชิตั้งเป้าหมายยอดขายไว้สูงถึง 3,000 คันต่อปี

ใครที่ประกาศตัวเป็นคู่แข่งกับมิตซูบิชิ ห้ามกะพริบตา