โรลันด์ เซบาสเตียน โฟลเกอร์ "นโยบาย เบนซ์ ทุกอย่างเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือรถมือสอง"

อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 2561
  • Share :

ปลายเดือนที่แล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ประกาศแต่งตั้ง "โรลันด์ เซบาสเตียน โฟลเกอร์" ดำรงตำแหน่งซีอีโอ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แทนนายไมเคิล เกรเว่ ซึ่งพ้นวาระไปดูแลประเทศไต้หวัน หลังจากใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 สิบกว่าวันหลังเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางของการนำพาองค์กรเบนซ์ไทยแลนด์ ขับเคี่ยวกับตลาดพรีเมี่ยมคาร์ไว้อย่างน่าสนใจ พร้อมด้วยคำยืนยันที่จะคงความเป็นผู้นำรถหรูบ้านเราไว้อย่างเหนียวแน่น แม้ตลาดจะมีผู้เล่นมากขึ้นท่ามกลางเกมการแข่งขันที่รุนแรง

Q : อยากเปลี่ยนแปลงอะไรในองค์กรบ้าง

ผมเฝ้ามองเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไทยแลนด์ มานานและรู้ดีว่าจุดแข็งคือความเป็นผู้นำในตลาด ความเข้มแข็งของดีลเลอร์เน็ตเวิร์ก ความรักความจริงใจของพันธมิตรที่เป็นผู้จำหน่าย ความร่วมมือ
อันดีระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย กับดีลเลอร์ รวมถึงการตอบรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของลูกค้า ทั้งไฮบริด, ปลั๊ก-อินไฮบริด และกลุ่มรถไฮเพอร์ฟอร์แมนซ์ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทแม่ที่เยอรมนีพร้อมจะสนับสนุนตลาดเมืองไทยอย่างดียิ่ง ผมโชคดีเข้ามารับช่วงต่อในจังหวะที่เหมาะสม มีต้นทุนที่ดี มีทีมงานที่ดี สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้เราเป็นผู้นำตลอดไป เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทีมงานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำไว้ดีแล้ว ก็สานต่อเพื่อรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดพรีเมี่ยมคาร์ไว้ แต่สำหรับผมไม่ได้มองแค่การขายรถใหม่และเซอร์วิสเท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับรถมือสอง ซึ่งผมมองว่าน่าจะเป็นอีกแหล่งรายได้ในการทำธุรกิจและตอบโจทย์เรื่องความพึงพอใจลูกค้า 

Q : ไดเร็กชั่นในการขยายธุรกิจยูสคาร์

สิ่งสำคัญของการทำตลาดรถมือสอง คือการหารถที่จะเข้ามาอยู่ในพอร์ตของยูสคาร์ ความยากอยู่ตรงนี้แหละ ในต่างประเทศ การใช้รถส่วนใหญ่เป็นการเช่า ทำให้การหมุนเวียนของรถเยอะ ซึ่งตอนนี้บ้านเราแนวทางนี้เริ่มชัดเจนขึ้น และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 
ก็น่าจะทำให้รถเก่าเข้ามาหมุนเวียนในพอร์ตเราได้มากขึ้น ที่ผ่านมาการรุกตลาดยูสคาร์อาจจะยังไม่โดดเด่น ก็จำเป็นต้องพัฒนากันต่อไป ที่ต้องให้ความสำคัญกับรถมือสองก็เพราะนโยบายมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งรถมือสองนี้จะช่วยสร้างความพึงพอใจลูกค้า และการทำธุรกิจต้องมีกำไร ธุรกิจมือสองนี้จะช่วยเพิ่มพูนรายได้ให้กับดีลเลอร์ของเรา ซึ่งเขาก็พร้อมจะลงทุน ส่งคนมาอบรม ฝึกฝน เพื่อจะได้ดูแลลูกค้าได้มากขึ้น และอนาคตก็ช่วยเปลี่ยนมุมมองหลาย ๆ อย่างของทั้งดีลเลอร์เองและลูกค้า เมื่อก่อนทำโชว์รูมเพื่อขายรถใหม่ แต่ตอนนี้ถ้าเรามีเทรดอิน นอกจากจะทำให้ขายรถใหม่ได้มากขึ้น ทุกอย่างจะเอื้อประโยชน์กันแบบครบวงจร ลูกค้าจะรู้ว่ามาที่โชว์รูมเบนซ์สามารถหาซื้อรถมือสองที่มีคุณภาพได้ด้วย ตอนนี้ดีลเลอร์เราทั้ง 32 แห่ง รับนโยบายทำรถมือสองกันไปแล้วทั้งหมด

Q : ถอดบทเรียนยูสคาร์อย่างไร

เร็วไปสำหรับสิบวันที่ผมเข้ามาตรงนี้ แต่ต้องยอมรับว่าเบนซ์เคยมีประสบการณ์กับยูสคาร์มาเยอะ ทั้งดีวัน, เซอร์ทิฟาย ยูสคาร์, พรี-โอน ที่ผ่านก็ถือว่าทำเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า แต่เราก็พยายามหันไปดูเพื่อนข้าง ๆ เราเหมือนกัน ซึ่งก็หาคนทำสำเร็จยาก แต่อย่างไรก็ตาม ต้องผลักดันให้สำเร็จเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า

Q : เป้าหมายและทิศทางหลังจากนี้

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยยังเหมือนทั่วโลก ซึ่งเราแยกแบรนด์ของเราออกเป็น 2 ขั้ว คือ มายบัค เป็นซูเปอร์พรีเมี่ยม อีกแบรนด์คือเอเอ็มจี ซึ่งเป็นเพอร์ฟอร์แมนซ์ ตรงนี้หลายประเทศทำได้ดีมาก อยากจะเสริมว่าเบื้องหลังความสำเร็จที่เอเอ็มจีขยายตลาดได้เติบโตกว่า 300 เปอร์เซ็นต์ จริง ๆ แล้วคือ เรามีโรงงานผลิตรถในภูมิภาคนี้ ทำให้แบรนด์เอเอ็มจี ของเราเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งแล้วเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

Q : เครื่องยนต์เบนซิน-ดีเซลมีหลายคนมองว่าเบนซ์สับสน

 ไม่ใช่นโยบายไม่แน่นอน ต้องบอกเรากำลังหาทางเลือกที่ดีให้กับลูกค้าและระบบการขนส่ง โดยเฉพาะเรื่องของดีเซล เบนซิน และอีวีเป็นทางเลือกของแต่ละประเทศ ทุกอย่างต้องดูที่ความพร้อม เช่น ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลซัพพอร์ตขนาดไหน โครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะสถานีชาร์จพร้อมมั้ย แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าจะเราจะปลดเครื่องยนต์ดีเซลออกเลยหรือเปล่า คงต้องดูทุกเรื่อง ทั้งแชร์โฮลเดอร์ทำแล้วขาดทุนมั้ย ต้องดูทั้งเซอร์วิสว่าจะวิ่งตามทันมั้ย ส่วนถ้าเป็นอีวีรัฐบาลสนับสนุนแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อรัฐบาลไม่สนับสนุนแล้วมันจะไม่เกิดนะ เราก็มีโปรดักต์ของเราใช้เวลานิดนึง จริง ๆ ก็อยู่ที่ภาครัฐ ถ้าซัพพอร์ต ก็เห็นโมเดลนั้น ๆ ในตลาดได้เร็ว แต่ในขณะเดียวกันเรามีเครื่องยนต์หลายแบบ ถ้าเรามัวแต่รอก็อาจจะมีคนอื่นที่นำรถรุ่นนี้
เข้ามาแนะนำก่อนได้ บางครั้งเรารอไม่ได้ก็จะต้องนำเครื่องยนต์ที่มีความพร้อมเข้ามานำเสนอก่อนให้ตลาดได้รับรู้ว่าเราเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ อยากจะบอกว่าจากนี้ไปจนถึงปี 2022 เมอร์เซเดส-เบนซ์จะมีรถยนต์ที่เป็นเพียวอีวีถึง 9 โมเดล

Q : ความพร้อมของโรงงานแบตเตอรี่

เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ต้นปี 2019 จะมีโปรดักต์ออกสู่ตลาดแน่นอน 

Q : มองสงครามราคาพรีเมี่ยมแบรนด์อย่างไร 

5 ปีที่ผ่านมาถือเป็น 5 ปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประสบความสำเร็จมากที่สุด แล้วใน 5 ปีที่ผ่านมา เราก็วางโพซิชันนิ่งของเราเป็นพรีเมี่ยม ต้องบอกว่าเบนซ์จะไม่ทรยศลูกค้า ถ้าเราใช้สงครามราคา ลูกค้าที่เขาซื้อไปก่อนหน้านี้จะทำอย่างไร พรีเมี่ยมจริง ๆ ต้องไม่ดิสเคานต์ เคยได้ยินนาฬิกาแบรนด์หรู ๆ ลดราคามั้ย เช่นเดียวกันเบนซ์ก็ไม่ทำเด็ดขาด นอกเสียจากเป็นช่วงปลายรันเอาต์ ซึ่งก็จะเน้นเรื่องของแถมมากกว่า จุดนี้ก็จะโยงไปถึงยูสคาร์ การรักษาราคารถใหม่ดี ยูสคาร์ดี เราก็สามารถรันบิสซิเนสไปได้ด้วยดีแน่นอน