เพราะเหตุใด ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกจึงลดลงในปี 2018 ?

อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 2562
  • Share :
  • 746 Reads   

ในปี 2018 สินค้าอุปโภคบริโภคเชิงเทคโนโลยี (Technical Consumer Goods: TCG) มีมูลค่าตลาดรวมแล้วอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในระดับโลก โดยสมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ และ Wearable Device ยังคงมาแรง และมีมูลค่าคิดเป็น 44% ของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเชิงเทคโนโลยีทั้งหมด และถูกคาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นอีก 1% ในปีนี้

Growth from Knowledge (GfK) สำนักวิเคราะห์ตลาดรายใหญ่ที่สุดจากประเทศเยอรมนี รายงานว่า ในปี 2018 สมาร์ทโฟนมียอดขายรวมทั่วโลกคิดเป็นมูลค่า 522,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้ว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2017 5% แต่ในด้านจำนวนเครื่องนั้น พบว่า จำนวนสมาร์ทโฟนที่ขายได้ทั่วโลกอยู่ที่ ซึ่งอยู่ที่ 1,440 ล้านเครื่อง ลดลงจากปี 2017 3% โดยเห็นได้ชัดจากในไตรมาสที่ 4 ซึ่งยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกลดลงถึง 7% ด้วยกัน

GfK รายงานว่า สาเหตุที่มูลค่ายอดขายสมาร์ทโฟนสูงขึ้นนั้น เป็นผลมาจากจำนวนสมาร์ทโฟนราคาสูงประมาณ 8% ในตลาด ที่มีราคาต่อเครื่องสูงกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่สมาร์ทโฟนราคาปานกลาง ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 150 - 400 ดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราส่วนยอดขายอยู่ที่ 46% จากทั้งหมด และในปี 2018 นี้ สมาร์ทโฟนมีราคาขายเฉลี่ย (Average Selling Price: ASP) อยู่ที่ 384 ดอลลาร์สหรัฐต่อเครื่อง

ส่วนอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกมีจำนวนเครื่องลดลงนั้น เป็นผลมาจากอายุการใช้งานสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2017

ปัจจุบัน ประเทศจีน คือประเทศที่มีตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่ที่สุด และกว่า 40% ของสมาร์ทโฟนแบรนด์จีน ถูกส่งออกไปขายในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 4 ปี 2018 ยอดขายสมาร์ทโฟนค่ายจีนลดลงถึง 19% และส่งผลกระทบต่อยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกอย่างเห็นชัด

ในทางกลับกัน ยอดขายสมาร์ทโฟนในเอเชีย และยุโรป ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในเอเชีย มีการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนถึง 13% และในยุโรปที่ 3% 

ความต้องการที่เปลี่ยนไป

GfK รายงานว่า ผู้บริโภค มีแนวโน้มต้องการสมาร์ทโฟนคุณภาพสูง ที่มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิมมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคยินยอมจ่ายเงินซื้อสินค้าในราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย แต่ในทางกลับกัน แนวโน้มนี้ได้ส่งผลกระทบต่อจำนวนเครื่องที่ขายได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน จำเป็นต้องพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น ทั้งหน่วยความจำ ขนาดหน้าจอ คุณภาพกล้อง และฟังก์ชันอื่น ๆ 

Mr. Igor Richter ผู้เชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคมจาก GfK กล่าวแสดงความเห็นว่า “ปัจจุบัน สมาร์ทโฟนมีฟังก์ชันการใช้งานใกล้เคียงคอมพิวเตอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม มันก็ตามมาด้วยคุณภาพที่สูงขึ้น ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน จึงจำเป็นต้องพัฒนา “ประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง” เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อสมาร์ทโฟนราคาแพง แทนที่คอมพิวเตอร์ในราคาใกล้เคียงกัน ไม่เช่นนั้น ผู้บริโภคก็จะให้ความสนใจต่อสมาร์ทโฟนราคาปานกลาง และสมาร์ทโฟนราคาต่ำมากกว่า และอีกสิ่งสำคัญคือ คุณสมบัติในการ “เล่นเกม” ซึ่งจากการทำรายงานในปี 2018 เราพบว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนกว่า 55% ใช้สมาร์ทโฟนในการเล่นเกมอย่างต่อเนื่อง”