อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า 2565 ไตรมาสที่ 3 และแนวโน้มไตรมาสที่ 4

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า 2565 ไตรมาส 3 การผลิตหดตัวต่อเนื่อง

อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 2565
  • Share :
  • 2,018 Reads   

กองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าของไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 หดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 จากการผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบน เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก และเหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม

Advertisement

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า

การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมีค่า 83.9 หดตัวร้อยละ 12.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และหดตัวร้อยละ 13.9 จากไตรมาสที่ผ่านมา 

  • การผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบน หดตัวร้อยละ 26.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่การผลิตหดตัวมากที่สุดคือ เหล็กแผ่นรีดเย็น หดตัวร้อยละ 39.0 รองลงมา คือ เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี หดตัวร้อยละ 28.3 และ 19.1 ตามลำดับ

  • การผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว ขยายตัวร้อยละ 0.03 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตขยายตัว คือ เหล็กเส้นข้ออ้อย และเหล็กลวด ขยายตัวร้อยละ 60.3 และ 3.7 ตามลำดับ

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า 2565 ไตรมาสที่ 3 และแนวโน้มไตรมาสที่ 4

การบริโภคเหล็กในประเทศไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ​มีปริมาณ 3.9 ล้านตัน หดตัวร้อยละ 9.6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และหดตัวร้อยละ 17.6 จากไตรมาสที่ผ่านมา

  • การบริโภคเหล็กทรงแบน หดตัวร้อยละ 18.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก หดตัวร้อยละ 32.9 รองลงมาคือ  เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นเคลือบประเภทอื่น ๆ และเหล็กแผ่นบางรีดเย็น หดตัวร้อยละ 21.9 17.3 และ 15.4 ตามลำดับ

  • การบริโภค​เหล็กทรงยาว ขยายตัวร้อยละ 10.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการบริโภคเหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้างรีดร้อน ขยายตัวร้อยละ 14.7

การนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 มีมูลค่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.9 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และหดตัวร้อยละ 10.5 จากไตรมาสที่ผ่านมา

  • การนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงแบน หดตัวร้อยละ 8.8 ผลิตภัณฑ์ที่การนำเข้าหดตัวมากที่สุด คือเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี ชนิด EG หดตัวร้อยละ 50.1 (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้า คือ ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน) รองลงมา คือ เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก และเหล็กแผ่นเคลือบประเภทอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 43.2และ 19.6 ตามลำดับ

  • การนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเหล็กทรงยาว ขยายตัวร้อยละ 8.1 ผลิตภัณฑ์ที่การนำเข้าขยายตัวมาก คือ ท่อเหล็กไรตะเข็บ ขยายตัวร้อยละ 115.6 (ประเทศหลักที่ไทยนำเข้า คือ จีน) รองลงมา คือ เหล็กแผ่นบางรีดร้อน ประเภท Carbon steel และเหล็กลวด ประเภท Stainless steel ขยายตัวร้อยละ 49.4 และ 8.5 ตามลำดับ

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า 2565 ไตรมาสที่ 3 และแนวโน้มไตรมาสที่ 4

แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าไตรมาสที่ 4 ปี 2565 

แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าไตรมาสที่ 4 ปี 2565 คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้แนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น และอาจทำให้ความต้องการใช้เหล็กชะลอตัวลง

 

อ่านต่อ: 

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH