เกาะติดความเคลื่อนไหว แนวคิด CASE ในอุตสาหกรรมยานยนต์ออสเตรีย

อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 2561
  • Share :
  • 1,780 Reads   

หากพูดถึงประเทศออสเตรีย สิ่งที่คนมักจะนึกถึง คือ ดนตรี ทิวทัศน์ และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ออสเตรียนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความคืบหน้าด้านการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์เป็นลำดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉพาะการมาของแนวคิด CASE (Connected, Autonomous, Shared, Electric) ที่ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมยานยนต์ แต่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ในออสเตรียต่างให้ความสนใจ และเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ตอบรับกับแนวคิดนี้
 
AVL สถาบันวิจัยวิศวกรรมเครื่องยนต์ และ Consultant ผู้มีประสบการณ์ในการออกแบบ และพัฒนาเครื่องยนต์รถ รวมถึงเครื่องมือ และระบบทดสอบเครื่องยนต์ที่เพียบพร้อมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้ทำสัญญากับค่ายรถหลายค่ายทั่วโลก เพื่อสนับสนุนเครื่องมือที่จำเป็นในการทดสอบเครื่องยนต์ยุคใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการตื่นตัวด้านมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งส่งผลให้ AVL ตัดสินใจลงทุนด้านการวิจัยเพิ่มเติมเป็นมูลค่า 2 พันล้านเยน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ทั้งเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ และระบบส่งกำลัง
 
นอกจากนี้ AVL ยังได้ประสานความร่วมมือกับ Virtual Vehicle รับออกแบบ และทดสอบระบบยานยนต์อัตโนมัติอีกด้วย โดย Dr. Peter Schöggl จาก AVL Racing ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า “เราจะอาศัยประสบการณ์ในฐานะ Consultant ในการขยายธุรกิจต่อไปดังเช่นที่แล้วมา”
 
นอกจากด้านการพัฒนาเทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์แล้ว ในด้านของซอฟต์แวร์เองก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างยิ่ง โดย TTTech ได้มุ่งพัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการณ์สำหรับยานยนต์ (OS) โดยอาศัยเทคโนโลยีของทางบริษัท ในการควบคุมให้โปรแกรมสามารถทำงานประมวลผลได้หลายงานในเวลาเดียวกัน ได้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับยานยนต์ ที่สามารถใช้งานโปรแกรมอื่น ๆ เพิ่มได้จริง ซึ่งรองประธาน Mark Lange กล่าวว่า “แพลตฟอร์มที่สามารถติดตั้งและใช้งานซอฟต์แวร์อื่น ๆ เช่นนี้ จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการในอุตสาหกรรมรถหรูได้เป็นอย่างดี” และมี Audi ที่เลือกใช้แพล็ตฟอร์มของ TTTech ในการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ “ระดับ 3” ของรถซีดาน “A8” และอยู่ระหว่างนำไปใช้พัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ซึ่งคาดว่าจะพร้อมออกสู่ตลาดในปี 2025
 
อีกรายที่น่าสนใจคือ Kapsch ผู้พัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันยานยนต์ ซึ่งนำเสนอโซลูชัน Ride Sharing ที่ครอบคลุมไปถึงรถบัสและรถจักรยานยนต์ เพื่อสนับสนุนให้การคมนาคมสะดวกสบายยิ่งขึ้น และอยู่ระหว่างการทุ่มพัฒนาเทคโนโลยี Connected Car ในขณะนี้ ซึ่ง Mr. Oliver Brandl ผู้จัดการแผนกโซลูชัน V2X (Vehicle-to-everything) ได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า “หากสามารถทำให้ยานยนต์ Connect เข้ากับข้อมูลได้อย่างทั่วถึงแล้ว จะทำให้ป้ายจราจรหรือไฟสัญญาณก็กลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น”
 
จะเห็นได้ว่า ในอุตสาหกรรมยานยนต์ออสเตรียเอง ก็มุ่งไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ, Connected Car, และระบบภายในไม่ต่างกับประเทศอื่น ๆ และให้ความสำคัญกับการทดสอบสิ่งที่พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก และด้วยความคืบหน้าในการพัฒนาด้าน CASE ของออสเตรียนี้ ทำให้ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ออสเตรียมถูกจับตามองในระดับโลก