เทคโนโลยี “เครื่องจักรกลแห่งอนาคต” ที่ DMG MORI ต้องจับมือ Nikon ร่วมพัฒนา

อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 2563
  • Share :
  • 995 Reads   

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบัน ทุกอุตสาหกรรมกำลังอยู่ในช่วงยากลำบาก ซึ่งแม้กระทั่งธุรกิจขนาดใหญ่อย่างผู้ผลิตเครื่องจักรกลเองก็ไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น ทั้งความคืบหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ สังคมผู้สูงอายุ และ Digital Transformation ทำให้การพัฒนาเครื่องจักรกลไม่อาจหยุดนิ่ง ซึ่ง Mr. Masahiko Mori ประธานบริษัท DMG MORI หนึ่งในผู้ผลิต Machine Tools รายใหญ่ค่ายญี่ปุ่น ได้กล่าวย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลที่จะเกิดขึ้นทุก 10 ปี ซึ่งเทคโนโลยีที่จะเป็นคลื่นลูกถัดไป คือ การวัดแบบไม่สัมผัสชิ้นงาน โดยอาศัยเทคนิคอื่น เช่น การใช้กล้องจับภาพ หรือใช้เลเซอร์ในการวัด และการนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาช่วยในการทำงาน ทำให้ DMG MORI ได้ร่วมกับ Nikon รวมเทคโนโลยีงานวัดเหล่านี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจักรกลแห่งอนาคต ซึ่งจะเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้สามารถแข่งขันทางเทคโนโลยีได้ ตอบโจทย์การผลิตสมัยใหม่

 

โดยทั่วไปแล้ว Machine Tools จะมีการเปลี่ยนแปลงทุก 10 ปี คิดว่าในช่วงปี 2020 จะมีทิศทางอย่างไร

“ผมมองว่า 10 ปีหลังจากนี้ จะเข้าสู่ยุคที่เครื่องจักรกลเครื่องเดียว ต้องทำงานได้มากกว่าหนึ่งอย่าง ซึ่งหมายถึงการรวมสายการผลิตให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นั่นหมายถึงเครื่องจักรกลจะมีความซับซ้อนขึ้นด้วย ทำให้เทคโนโลยีที่จะมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรม Machine Tools ในอนาคต คือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ที่เหมาะสมกับการทำงานอัตโนมัติด้วยความเร็วสูง”

ตัดสินใจร่วมพัฒนาเทคโนโลยีกับ Nikon เพราะเหตุนี้หรือไม่?

“เนื่องจาก Nikon มีความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีวัดโดยไม่ต้องสัมผัส เช่น การใช้ภาพ หรือเลเซอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่บริษัทอยากนำมาเป็นส่วนหนึ่งของ Machine Tools ด้วยการติดตั้งกล้องไว้กับ ATC (Automatic Tool Changer) แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้ เช่น การสึกหรอของใบมีด การตัดชิ้นงาน และอื่น ๆ มาช่วยให้การทำงานครั้งถัดไปแม่นยำชึ้น” 

ทำอย่างไรให้ลูกค้าสนใจ

“อย่างที่กล่าวกันว่าการทำงานในอนาคตจะซับซ้อนขึ้น ผู้ผลิตที่ใช้เพียงเครื่อง 2 แกน ซึ่งส่วนมากเป็นเครื่องที่มีอายุ 20 - 30 ปีแล้วในปัจจุบันจะไม่สามารถแข่งขันทางเทคโนโลยีกับผู้ผลิตรายอื่นได้ในอนาคต ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของผู้ขายเครื่องจักร ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ใช้เข้าใจว่า หากไม่เปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิต แล้วใช้แต่เครื่องแบบเดิม จะไม่มีทางอยู่รอดในตลาดได้ ซึ่งแนวทางของเราคือ การพัฒนาเครื่องจักรกลที่รวม Vertical Lathe, Double Column Machining Center, และ 5-Axis Machine ไว้ด้วยกันออกมา”