สุดล้ำ! BTS ผนึก “ชาร์ป” ติดระบบฟอกอากาศบนรถไฟฟ้าประเดิม 2 ขบวน ย้ำส.ค.นี้นั่งยาว “เซ็นทรัลลาดพร้าว”

อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 2562
  • Share :
  • 371 Reads   

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า หลังได้หารือกับ บจ.ชาร์ป ไทย มาร่วมปี เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2562 ได้ลงนามความร่วมมือระหว่างบีทีเอส บมจ.วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) และชาร์ป เพื่อติดตั้งเทคโนโลยี Plasmacluster เป็นระบบฟอกอากาศให้สะอาดบริสุทธิ์ ภายในรถไฟฟ้าบีทีเอสและชาร์ปยังจะซื้อสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ ของ VGI ด้วย

“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น จะเริ่ม 2 ขบวนก่อน โดย มิ.ย.นี้จะติดเสร็จ 1 ขบวน โดยจะติดตั้งระบบ 1 ตู้ เพื่อดูวิธีการทำงานก่อน จากนั้นอีก 3 เดือน จะติดขบวนที่ 2 อีก 1 ตู้ จากนั้นก็ประเมินผลตอบรับ เพราะต้องลงทุนด้วย หากผลเป็นที่น่าพอใจจะติดตั้งในขบวนอื่นๆ ที่เหลือ ซึ่งบีทีเอสมีรถเก่าและซื้อใหม่อยู่ประมาณ 98 ขบวน โดยระบบนี้จะทำให้ผู้โดยสารได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ปลอดภัย และมีผลดีต่อสุขภาพในระหว่างการเดินทางมายิ่งขึ้น คาดว่าจะทำให้ผู้โดยสารบีทีเอสเพิ่มขึ้นได้ด้วยเช่นกัน”

นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า มีข้อตกลงร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้ว ภายในเดือน ส.ค.นี้ จะเปิดเดินรถของสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ก่อนกำหนด 1 สถานี จากสถานีหมอชิต-สถานีห้าแยกลาดพร้าว และปลายปีจะเปิดถึงแยกเกษตร เพื่อช่วยบรรเทาการจราจร ส่วนค่าโดยสารขึ้นอยู่กับนโยบายของ กทม. เท่าที่ทราบจะเปิดบริการให้ฟรีไปจนกว่าการเจรจาร่วมทุนสายสีเขียวทั้งโครงการตามคำสั่ง ม.44 จะแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้

“ตอนนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตามคำสั่ง ม.44 แล้ว เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. และได้มีการประชุมครั้งแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าน่าจะเชิญเราไปเจรจา เพราะตามระยะเวลาที่กำหนดจะต้องเจรจาให้เสร็จใน 30 วันนับจากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการหรือภายในต้นเดือน ก.ค.นี้ ในหลักการเจรจา เช่น ค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 65 บาท จะต้องเจรจาว่าส่วนต่างค่าโดยสารจะมีแนวทางอย่างไร เพราะหากเก็บในอัตรานี้มีผลกระทบต่อรายได้แน่นอน คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในระเวลาที่กำหนดคือต้น ก.ย.นี้”

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ทั้งนี้จากการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายใหม่เพิ่มทั้งช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จะทำให้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วทั้งปีเติบโตอยู่ที่ 2-3% ปัจจุบันผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 7.7 แสนเที่ยวคนต่อวัน และในบางวันที่ฝนตกรถติดจะแตะ 1 ล้านเที่ยวคน

ทั้งนี้ในส่วนของรายได้หากเก็บค่าโดยสารตามโครงสร้างใหม่เก็บตามระยะทาง โดยอัตราสูงสุดไม่เกิน 65 บาท อาจจะส่งผลกระทบรายได้ของบริษัทเนื่องจากค่าโดยสารถูกลง