เวียดนาม ลุย Digital Transformation ตั้งเป้าดุ GDP โต 30% ปี 2030

เวียดนาม ลุย Digital Transformation ตั้งเป้าดุ GDP โต 30% ปี 2030

อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 2563
  • Share :
  • 1,421 Reads   

เวียดนาม ลุย Digital Transformation เปิดตัวแพลตฟอร์ม akaChain ตามยุทธศาสต์ชาติด้านอุตสาหกรรม 4.0 ที่วางเป้าหมายสู่ “ผู้นำเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมของโลก” ซึ่งจะกระตุ้น GDP ให้เติบโตขึ้น 30% ในปี 2030

ปัจจุบัน เวียดนามเป็นประเทศที่มุ่งหน้าพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเป็นเป็นอย่างมาก โดยในช่วงปี 2019 จวบจนต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงวางแผนและการลงทุนแห่งประเทศเวียดนาม ได้ร่างยุทธศาสตร์ชาติด้านอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งมีเนื้อหาหลักในการยกระดับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในประเทศด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Digital Transformation และตั้งเป้าหมายไว้ที่ปี 2030 

โดยในเดือนเมษายน 2020 ที่ผ่านมา กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศเวียดนามได้เปิดเผยว่า เวียดนามตั้งเป้าติดตั้งเครือข่ายไร้สาย 5G ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศภายในปี 2025 ด้วยเงินลงทุน 1.5 - 2.5 พันล้านสหรัฐ ซึ่งจะสนับสนุนให้บริการทั้งหมดจากหน่วยงานของรัฐต้องดำเนินผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมโครงการลงทุนในเทคโนโลยีหลัก เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI), บล็อคเชน, 3D Printing, คลาวด์, IoT, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, และพลังงานสะอาด เพื่อยกขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ซึ่งคาดการณ์ว่า จะกระตุ้น GDP ให้สูงขึ้น 20% ในปี 2025 และ 30% ในปี 2030 และสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 1.3 - 3.1 ล้านตำแหน่งในปีเดียวกัน

ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว ได้เปิดเผยอีกครั้งเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในการประกาศเปิดตัว “แพลตฟอร์ม akaChain” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสารสนเทศฯ และ FTP Software บริษัทด้านเทคโนโลยีไอที โดยแพลตฟอร์ม akaChain จะสนับสนุน Digital Transformation ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วทั้งในภาครัฐและเอกชน พร้อมผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เวียดนามก้าวขึ้นติด 50 อันดับประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 35 อันดับประเทศผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมภายในปี 2030

Nguyen Thanh Hung รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารเวียดนาม กล่าวย้ำถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจว่า

“การระบาดของโควิด ทำให้การเปลี่ยนธุรกิจให้สามารถดำเนินการแบบออนไลน์ได้ยิ่งมีความสำคัญมากกว่าที่แล้วมา”

กระทรวงสารสนเทศฯ แสดงความเห็นว่า แพลตฟอร์ม akaChain จะช่วยกระตุ้นการใช้งานแอปพลิเคชันบนระบบบล็อคเชนให้เกิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การใช้งานรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความสามารถในการชำระหนี้, การดึงดูดลูกค้าเดิม, การสืบค้นสินค้าย้อนกลับ และอื่น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมากหากพิจารณาจากเทคโนโลยีในปัจจุบันของเวียดนาม

พร้อมยอมรับว่า เทคโนโลยีบล็อคเชนยังเป็นเรื่องที่ดูไกลตัวสำหรับผู้ประกอบการเวียดนามหลายราย อย่างไรก็ตาม การทำงานผ่านแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อได้อย่างลื่นไหล มีความปลอดภัย และโปร่งใสสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือปัจจัยสำคัญที่สุดของธุรกิจในยุคนี้ ซึ่ง Tran Dang Hoa รองประธานและ COO บริษัท FPT Software แสดงความเห็นว่า บล็อคเชนเป็นเรื่องที่มากกว่าสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) โดยแพลตฟอร์มปัจจุบันของบริษัทฯ ได้ถูกใช้งานโดยซัพพลายเชน และสถาบันการเงินเวียดนามแล้วหลายแห่ง

สำหรับแผนงานถัดไป ตือการพัฒนาโซลูชันการยืนยันตัวตนบนแพลตฟอร์มบล็อคเชน เพื่อรับรองความปลอดภัยของข้อมูลให้สูงขึ้น และเพื่อให้ข้อมูลผู้ใช้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น และสามารถตรวจสอบได้จากผู้ใช้งาน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจ สังคม และรัฐบาลในยุค Digitalization ของประเทศเวียดนามต่อไป


กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารเวียดนามขณะประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม akaChian เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2020 (Photo: FPT Software)