ผลประกอบการไตรมาส 2 ค่ายรถญี่ปุ่น

อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 2561
  • Share :
  • 425 Reads   

7 ค่ายใหญ่รถญี่ปุ่นรายงาน ยอดขายรถในไตรมาสที่ 2 ปี 2018 ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งไม่รวมญี่ปุ่นและจีน มีการเติบโตอย่างมาก ผลจากการฟื้นตัวของตลาดรถใหม่และความต้องการยานยนต์ค่ายญี่ปุ่นในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดสหรัฐฯ และจีนยังมีความอ่อนไหวจากสงครามการค้า ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์แน่ชัดนัก ส่งผลให้ค่ายรถญี่ปุ่นเล็งเห็นว่า การยอมเสี่ยงกับตลาดเกิดใหม่ซึ่งอาจเกิดปัญหาค่าเงินอ่อนตัว เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในแผนธุรกิจระยะกลางแรละระยะยาวในภูมิภาคเอเชีย

ผลประกอบการค่ายรถญี่ปุ่น ไตรมาส 2 ปี 2018

  • Toyota มียอดขายในไทยเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ และด้วยการลดต้นทุนของบริษัท ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานในไทยมีมากถึง 142,000 ล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 38.3% 
  • Suzuki ครองส่วนแบ่ง 50% ในอินเดีย และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลจากการเข้าวางโครงสร้างธุรกิจอย่างรวดเร็วและมั่นคง
  • Suzuki, Mazda, และ Mitsubishi มียอดขายในเอเชียเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนมากถึง 2 หลัก
  • Nissan เป็นค่ายเดียวที่ยอดขายในภูมิภาคเอเชียลดลง

ผลประกอบการค่ายรถญี่ปุ่น ไตรมาส 2 ปี 2018 แบ่งตามภูมิภาค

  • เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่นและจีน) ปิดที่ 1.32 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว 15.3% ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน 19.0% จากยอดขายทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.1 จุด
  • เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดยานยนต์ใหม่มีการชะลอตัวในปี 2013 และกลับมาเติบโตอีกครั้งตั้งแต่ปี 2015 โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 80% และคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ปีละ 4-5%
  • อินเดีย มีการเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงนับตั้งแต่ปี 2015 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ปีละ 8%
  • ตุรกี ค่ายรถญี่ปุ่นแสดงความกังวลต่อกรณีวิกฤตค่าเงินลีรา และอิทธิพลต่อตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอื่น ซึ่ง Mr. Takaki Nakanishi นักวิเคราะห์จาก Nakanishi Research Institute กล่าวแสดงความเห็นว่า “ปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตลาดประเทศกำลังพัฒนา อย่างไรก็ตาม ตลาดเหล่านี้จะเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว”
  • สหรัฐอเมริกา ค่ายรถญี่ปุ่นมีความกังวลต่อกรณีการต่อรองขึ้นภาษียานยนต์ของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อ NAFTA (North American Free Trade Agreement) 
  • จีน ยอดขายยานยนต์ลดลงจากปีก่อนเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ซึ่งคาดการณ์ว่าเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าจีน - สหรัฐฯ

แน่นอนว่าตลาดจีนและสหรัฐฯ ยังคงมีความสำคัญต่อญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าค่ายรถญี่ปุ่น จะให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียมากขึ้นหลังจากนี้