
ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม ก.ค. 2568 ลดเหลือ 86.6 ส.อ.ท. ชี้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงชะลอตัว
ส.อ.ท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2568 ลดลงเหลือ 86.6 จาก 87.7 ในเดือนก่อนหน้า สาเหตุจากข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา ภาษี Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ และน้ำท่วมภาคเหนือ สะท้อนสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว
กรุงเทพฯ 19 สิงหาคม 2568 - นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วย ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ ส.อ.ท. นายอภิชิต ประสพรัตน์ นายนาวา จันทนสุรคน รองประธาน ส.อ.ท. และนางสาวพรรรัตน์ เพชรภักดี ผู้อำนวยการใหญ่ ส.อ.ท. เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 86.6 ปรับตัวลดลง จาก 87.7 ในเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ข้อพิพาทบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้าชายแดน โดยในเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่าการค้ารวม 10,907.53 ล้านบาท ลดลง 32.29% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2568 (MoM) และลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) นอกจากนี้ สถานการณ์อุทกภัยและน้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดน่านและเชียงราย ยังสร้างความเสียหายต่อชุมชน บ้านเรือน และโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ความกังวลต่อการจัดเก็บภาษี Reciprocal Tariff ในอัตรา 36% (ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2568) ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย ยิ่งไปกว่านั้น ความกังวลต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ที่อาจเกิดความล่าช้า ตลอดจนการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 และงบกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทน เช่น เครื่องปรับอากาศและเครื่องจักรกล ส่งผลให้ภาคการบริโภคภายในประเทศเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคม ยังคงมีปัจจัยบวกจากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” จำนวน 500,000 สิทธิ์ ภายใต้งบประมาณ 1,750 ล้านบาท (เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568) ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันการลงทุนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2568 มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 1.06 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุน ยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ และเพิ่มการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม อีกทั้ง ราคาน้ำมันที่ทรงตัว ยังมีส่วนช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,356 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจภายในประเทศ 70.1% เศรษฐกิจโลก 66.7% นโยบายภาครัฐ 57.2% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) 44.9% ราคาพลังงาน 35.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 27.1% ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ การเข้าถึงสินเชื่อ 42.3%
ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 89.2 ลดลงจาก 90.8 ในเดือนมิถุนายน 2568 เนื่องจากผลการเจรจาภาษี Reciprocal Tariff กับสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน หากอัตราภาษีไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค อีกทั้งข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาที่ยืดเยื้อยังคงส่งผลกระทบต่อมูลค่าการค้าชายแดน
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ได้แก่ มาตรการตรึงราคาพลังงาน โดยค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน–ธันวาคม 2568 คงอยู่ที่ 3.94 บาทต่อหน่วย รวมถึงมาตรการส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ซึ่งช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด
ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ
- เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้โดยเร็ว พร้อมทั้งจัดทำโครงการสนับสนุนและ
ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชา เพื่อบรรเทาผลกระทบและลดความเสี่ยงต่อการประกอบธุรกิจในระยะยาว - เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการสนับสนุนด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินและสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการในการปรับตัว เพื่อรับมือกับอัตราภาษี Reciprocal Tariff ที่ประกาศในวันที่ 1 สิงหาคม 2568
- เสนอให้ภาครัฐเร่งลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบ
เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการเก็บกัก กระจายน้ำ และฟื้นฟูระบบนิเวศน้ำอย่างยั่งยืน
#ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม #เศรษฐกิจไทย #GDP Thailand #อุตสาหกรรมไทย #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / Tiktok / YouTube @MreportTH