ดูแลผู้สูงอายุภาวะสมองเสื่อมด้วยหุ่นยนต์หมีจาก NIT

อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 2561
  • Share :
  • 483 Reads   

Mr. Yuichi Nakazato และคณะวิจัยภาควิชาหุ่นยนต์จาก Nippon Institute of Technology (NIT) ประกาศพัฒนาหุ่นยนต์หมีสำหรับดูแลผู้สูงอายุซึ่งมีภาวะสมองเสื่อม รุ่นที่ 3 ซึ่งถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเพียง 600 กรัม ลดลงจากรุ่นแรกในปี 2014 ที่มีน้ำหนัก 3 กิโลกรัม และรุ่น 2 ที่มีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม และพัฒนาวิธีเดินใหม่ โดยมีกำหนดทดลองใช้งานตามศูนย์ดูแลผู้ป่วยและสถานพยาบาลในปี 2019

หุ่นยนต์หมีรุ่นนี้ ถูกลดจำนวนมอเตอร์จากเดิม 5 ตัวในรุ่นที่ 2 ให้เหลือเพียง 2 ตัว และใช้การขยับด้วยสลิงแทนในจุดที่ไม่มีมอเตอร์ ซึ่งสาเหตุที่ถูกออกแบบให้มีหน้าตาเหมือนตุ๊กตาหมีนั้น เนื่องจากผลวิจัยรายงานว่า จากมุมมองผู้สูงอายุแล้ว ตุ๊กตาหมีนั้นมองแล้วทำให้รู้สึกถึงเด็กทารก และส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถนึกย้อนไปถึงตนเองในช่วงเวลาที่ได้เลี้ยงดูบุตรหลานได้

ด้วยเสียงเรียกร้องจากผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วยจำนวนมาก ว่า “หากมีน้ำหนักเบาลงแล้ว ก็จะกอดได้ง่ายขึ้น” จึงจุดประกายในการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาลง พร้อมทั้งเพิ่มส่วนสูงและลดความยาวขาให้สั้นลง เพื่อให้ท่าเดินของหุ่นยนต์หมีน่ารักกว่ารุ่นก่อน อีกทั้งยังสามารถก้มหัวและโค้งตัว รวมถึงสื่อสารด้วยคำศัพท์ง่าย ๆ ได้ โดยอาศัยซอฟต์แวร์ “PALRO” จาก FUJISOFT ซึ่งปัจจุบัน คณะวิจัยอยู่ระหว่างการตรวจสอบผลลัพธ์ ว่าหุ่นยนต์หมีรุ่นนี้ จะมีผลกับสภาพจิตใจผู้ป่วยอย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ หุ่นยนต์หมีรุ่นนี้ยังสามารถลุกขึ้นยืนเองได้หากล้มลง อย่างไรก็ตาม คณะวิจัยได้ออกแบบให้ไม่ลุกขึ้นยืนในทันที เนื่องจากเล็งเห็นว่า หากออกแบบให้จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ จะสามารถสร้างความรู้สึก “อยากช่วยเหลือราวกับลูกของตน” ให้กับผู้ป่วยได้

คณะวิจัยจาก NIT คาดการณ์ว่า หุ่นยนต์รุ่นนี้จะเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง