คลาวด์แก้ปัญหา! ลดปัญหาขาดแคลนคนขับรถ

อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 2561
  • Share :
  • 1,558 Reads   

ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ เผย กำลังอยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอบริการรูปแบบคลาวด์สำหรับยานยนต์ โดยอาศัยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์และเทคโนโลยี IT เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนคนขับรถในภาคโลจิสติกส์ ทำให้ความต้องการบริการที่สามารถแบ่งเบาภาระคนขับได้มากขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะหลังมานี้ ซึ่งกลุ่มผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์คาดว่า บริการนี้จะกลายเป็นช่องทางทำกำไรได้ในอนาคต และเป็นไปได้ว่าการแข่งขันก็จะสูงขึ้นเองเช่นกัน

แจ้งเตือนอันตราย

บริการที่ทางกลุ่มผู้ผลิตเตรียมนำเสนอ ประกอบด้วย Drive Recorder ติดตั้งตัวส่งสัญญาณและเซิร์ฟเวอร์ โดย Drive Recorder จะเก็บข้อมูลตำแหน่งรถ แล้วส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทางฝั่งเซิร์ฟเวอร์สามารถเข้าตรวจสอบข้อมูล และสนับสนุนข้อมูลให้กับผู้ขับได้ รวมไปถึงสามารถแจ้งเตือนในกรณีที่ผู้ขับกระทำการอันเป็นอันตราย เช่น เหยียบคันเร่งกะทันหัน โดยคาดว่าบริการนี้ จะคิดค่าบริการแบบรายเดือน

ซึ่งเดิมทีแล้ว บริการรูปแบบที่ว่านี้สามารถกระทำได้โดยการใช้โทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนมาใช้คลาวด์ จะช่วยให้คนขับสามารถขับรถได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ เนื่องจากผู้ให้บริการสามารถตรวจสอบตำแหน่งและข้อมูลของรถได้ผ่านคลาวด์โดยตรง อีกทั้งยังส่งผลให้การแจ้งข้อมูลรวดเร็วขึ้นอีกด้วย

นอกจากการแจ้งเตือนแล้ว ผู้ให้บริการสามารถแจ้งเส้นทางที่เหมาะสมให้กับคนขับได้ ทำให้ในหลาย ๆ กรณีแล้ว ผู้ขับไม่จำเป็นต้องค้นหาเส้นทางด้วยตัวเอง จึงทำให้คนขับรถมือใหม่สามารถใช้สมาธิกับการขับได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทาง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความสะดวกในการขนส่ง และป้องกันอุบัติเหตุได้ดีขึ้น

เทคโนโลยีภาพ

ในปี 2014 ผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ได้ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมาแล้ว ก่อนที่ความต้องการจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากกลุ่มคนขับรถของเว็บ amazon.com ทำให้กลุ่มผู้ผลิตตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนคนขับ ส่งผลให้ความพยายามพัฒนาบริการคลาวด์ขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้มีมากยิ่งขึ้น และคาดว่า บริการนี้จะครอบคลุมไปยังธุรกิจประเภทอื่น ๆ ในอนาคต

ในเดือนพฤษภาคมนี้เอง Clarion ได้มีกำหนดการเปิดตัวบริการ “SAFE-DR” ให้กับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ โดยอาศัยกล้องในการเก็บภาพรอบคันรถ ส่งมาให้เซิร์ฟเวอร์แบบเรียลไทม์ เพื่อใช้ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเทคโนโลยีที่เอามาใช้นี้ พัฒนาต่อจากเทคโนโลยีจับภาพ และเทคโนโลยีรับส่งข้อมูลของระบบสนับสนุนการขับขี่ของยานยนต์อัตโนมัติ

ถัดมาคือ Pioneer ร่วมกับ Blue Ocean system ผู้พัฒนาระบบบริหารธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมการแพทย์และสวัสดิการ พัฒนาบริการสำหรับสถานพยาบาล “Vehicle Assist” ซึ่งเดิมทีนั้นมีบ่อยครั้งที่ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ต้องขับรถไปรับส่งผู้ป่วยแทนเนื่องจากคนขับไม่พอ ทำให้ความต้องการระบบช่วยเหลือด้านการขับในสถานพยาบาลสูงขึ้น และคาดได้ว่าจะมากขึ้นอีกในอนาคตตามภาคโลจิสติกส์ ทำให้ทาง Pioneer เล็งพัฒนาบริการที่ใช้งานง่ายขึ้นมา

ปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวในการพัฒนาบริการประเภทนี้ไม่ได้จำกัดแต่เพียงผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ แต่ยังรวมไปถึงผู้ผลิตยานยนต์และผู้ผลิตสินค้า IT อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในผู้เข้าสู่ตลาดนี้เอง คาดการณ์ว่าผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ซึ่งมีประสบการณ์การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์อยู่แล้วแต่เดิมจะเป็นผู้ได้เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีกล้องความละเอียดสูง, Drive Recorder, Car Navigator และอื่น ๆ ซึ่งสามารถหยิบมาใช้พัฒนาต่อได้

ไม่ลืมธุรกิจรายย่อย

และด้วยการที่หลายบริษัทเข้าพัฒนาบริการรูปแบบคลาวด์นี้เอง ที่ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ ซึ่งในระยะยาวนั้น มีปัจจัยสำคัญคืออดขายยานยนต์และจำนวนผู้สูงอายุ จึงไม่มีหลักประกันว่าอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์จะสามารถทำตลาดได้มั่นคงเช่นเดิมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ด้วยการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและ Connected Car นั้น จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ รุนแรงขึ้น ซึ่งประธานบริษัท Pioneer Mr. Suzumu Kotani กล่าวว่า ไม่เพียงแค่ฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องพัฒนาด้านบริการด้วย จึงจะสามารถอยู่รอดต่อไปในตลาดนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ความแพร่หลายของบริการนี้จะเป็นเช่นไรยังไม่มีแนวทางชัดเจนนัก เนื่องจากในกลุ่มบริษัทที่ขาดแคลนคนนั้น ส่วนมากแล้วเป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งมีงบประมาณจำกัด สิ่งสำคัญจึงเป็นการคิดค้นบริการที่กลุ่มบริษัทเหล่านี้เข้าถึงได้ในราคาถูก ซึ่งทาง Pioneer ได้เล็งถึงจุดนี้ และเริ่มเสนอบริการรูปแบบเดียวกัน แต่ใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ซึ่งไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมไปแล้ว

นอกจากนี้ยังมี Denso Ten ซึ่งได้วางแผนบริการ “G500 Lite” ซึ่งเล็งไปที่กลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางโดยเฉพาะ

ซึ่งการแข่งขันเพื่อทำกำไรในธุรกิจบริการเช่นนี้เอง ที่จะช่วยให้ผู้ใช้มีตัวเลือกมากขึ้น และสามารถเลือกใช้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการของตนได้