ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย 2566 ตุลาคม

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ต.ค. 66 ลดลงครั้งแรกในรอบ 17 เดือน

อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 2566
  • Share :

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC Confidence Index) ประจำเดือนตุลาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 55.4 ลดลง 0.8 จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 17 เดือน 

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจสมาชิกผู้ประกอบการ 369 รายทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 24-31 ตุลาคม 2566 พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 17 เดือน โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย อยู่ที่ระดับ 55.4 ลดลง 0.8 จากเดือนกันยายน 2566 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 56.2 ซึ่งได้รับปัจจัยด้านลบจากการที่ สศค.ปรับคาดการณ์ GDP ปี 2566 ลดลงเหลือ 2.7%, ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง, ความกังวลต่อสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและฮามาสในฉนวนกาซา เป็นต้น

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทย

ปัจจัยด้านลบ

  • สศค. ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 เหลือ 2.7% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.5% ต่อปี ผลมาจากภาคการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย
  • ความกังวลต่อสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและฮามาสในฉนวนกาซายังดำเนินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะยืดเยื้อจนส่งผลให้ราคาน้ำมันและพลังงานโลกยังทรงตัวสูง
  • ปัญหาน้ำท่วมบางพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะพื้นที่ทางการเกษตร
  • ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจจีน สหรัฐ และยุโรป
  • SET Index เดือน ต.ค. 66 ปรับตัวลดลง 89.60 จุด จาก 1,471.43 ณ สิ้นเดือน ก.ย. 66 เป็น 1,381.83 ณ สิ้นเดือน ต.ค. 66
  • ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับ 35.847 ฿/$ ณ สิ้นเดือน ก.ย. 66 เป็น 36.522 ฿/$ ณ สิ้นเดือน ต.ค. 66 สะท้อนว่ามีการไหลออกสุทธิของเงินตราต่างประเทศ
  • ความกังวลในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เช่น แนวนโยบายการเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่จะกระทบต่อต้นทุนของธุรกิจ
  • ความกังวลต่อสถานการณ์เอลนีโญ และภัยแล้ง ที่จะส่งผลกระทบในระยะยาวและกระทบต่อความต้องการใช้น้ าในภาคการเกษตร และเพื่อการอุปโภค-บริโภค

ปัจจัยด้านบวก

  • การดำเนินนโยบายภาครัฐผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชน โดยเฉพาะการปรับลดค่าไฟฟ้า ลดราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน และยกเว้นการยื่นวีซ่านักท่องเที่ยวในหลาย ๆ ประเทศ
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากขึ้นหลังจากการเปิดประเทศ ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น
  • การส่งออกของไทยเดือน ก.ย. 66 ขยายตัวร้อยละ 2.1 มูลค่าอยู่ที่ 25,476.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าลดลงร้อยละ 8.3 มีมูลค่าอยู่ที่ 23,383.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เกินดุลการค้า 2,092.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • ราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 ในประเทศปรับตัวลดลงโดยปรับตัวลดลงประมาณ 0.9 บาทต่อลิตร และราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับทรงตัว ณ สิ้นเดือน ก.ย. 66
  • ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และบริการมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นสามารถขยายการลงทุน และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปี
  • ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น และมีกำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ และแนวทางการดำเนินการของภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหา

  • มาตรการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และมีการจัดสรรน้ำให้เหมาะสมอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
  • การดูแลและช่วยเหลือราคาสินค้าเกษตร ตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยธรรมชาติ
  • ขยายตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย เพื่อหามาตรการกระตุ้นภาคการส่งออกให้ปรับตัวดีขึ้น
  • สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศโดยใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และระยะยาวอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศให้คล่องตัวมากขึ้น
  • ดูแลต้นทุนการดำเนินงานของภาคธุรกิจ อาทิเช่น ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนทางการเงิน เป็นต้น
  • รักษาเสถียรภาพทางด้านการเงินให้สมดุลเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
  • นโยบายและมาตรการที่เหมาะสมสำหรับสนับสนุนอุตสาหกรรมของไทยสู่การปรับเปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจ สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อผลักดันสินค้าไทยไปสู่ Net Zero และทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

#หอการค้า #หอการค้าไทย #สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย #ภาคเอกชน #เศรษฐกิจไทย #เศรษฐกิจโลก #ภาคอุตสาหกรรม #ภาคการเกษตร #ภาคการท่องเที่ยว #ภาคการส่งออก #SET Index #GDP #จีดีพี #เศรษฐกิจไทย

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH