หอการค้าไทยเสนอ “สมุดปกขาว 2568” ชงแนวทางเศรษฐกิจใหม่ต่อรัฐบาล หลังยุติสัมมนาสงขลาจากอุทกภัย
หอการค้าไทยยื่น “สมุดปกขาว 2568” ต่อรัฐบาล นำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบาย 5 มิติเร่งปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทย ทั้งการค้า–การลงทุน เกษตร อาหาร ท่องเที่ยว ดิจิทัล และความยั่งยืน แม้งานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศที่สงขลาถูกยุติลงจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่
24 พฤศจิกายน 2568 — ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำ “สมุดปกขาว หอการค้าไทย ปี 2568” ซึ่งเป็นข้อสรุปจากการระดมความคิดเห็นระหว่างการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 43 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา ภายใต้แนวคิด “Unlocking New Growth: ศักยภาพใหม่แห่งการเติบโต” เสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดทิศทางเชิงนโยบายและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศ
ดร.พจน์ กล่าวว่า แม้งานสัมมนาครั้งนี้จะต้องยกเลิกลงหลังจากเริ่มประชุมไปได้ 1 วัน เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย รวมถึงผู้เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้มากกว่า 1,500 คน ทางหอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัดสงขลา ที่เป็นเจ้าภาพการจัดสัมมนาต้องขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทุกพื้นที่ที่รวมรวมความช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะนี้ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ก็ได้กลับเข้าภูมิลำเนาแล้ว ขณะเดียวกัน ตอนนี้ มูลนิธิพาณิชย์สงเคราะห์ โดยหอการค้าไทย ก็ได้มีการเปิดระดมรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ เพิ่มเติม เพราะทราบมาว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดยังไม่คลี่คลาย
สำหรับ “สมุดปกขาว หอการค้าไทย ปี 2568” หอการค้าฯ ได้รวบรวมข้อเสนอแนะและเสียงสะท้อนจากเครือข่ายหอการค้าทั่วประเทศ มาก่อนหน้าการสัมมนาแล้ว ซึ่งได้จัดทำเป็นเอกสารส่งมอบให้ท่านนายกรัฐมนตรี ช่วงที่มีการ ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันนี้ เพื่อให้รัฐบาลสามารถนำประเด็นที่ได้รับไปพิจารณาดำเนินการได้ สำหรับประเด็นและข้อเสนอแนะที่หอการค้าฯ บรรจุไว้ในสมุดปกขาวปีนี้ มุ่งเน้นการปลดล็อกการเติบโตใหม่ของประเทศทั้งในระดับโครงสร้างและระดับภูมิภาค ครอบคลุม 5 มิติหลัก ได้แก่
- ด้านการค้าและการลงทุน (Trade & Investment) มุ่งยกระดับศักยภาพการค้าการลงทุนของประเทศผ่านการเร่งให้สัตยาบัน FTA (ไทย–ศรีลังกา, ไทย–EFTA) และการสมัครเข้าร่วม OECD พร้อมปรับโครงสร้างกฎหมาย เปิดเสรีโลจิสติกส์ ทบทวน พ.ร.บ.ธุรกิจคนต่างด้าว และจัดตั้งหน่วย Fast Track Reform (Guillotine Unit) เพื่อรื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ขณะเดียวกันสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ชีวภาพ (Bioplastics) และพลังงานสะอาด ด้านแรงงาน เสนอระบบค่าจ้างตามทักษะ (Pay-by-Skills) ร่วมกับการยกระดับทักษะ แรงงาน (Up/Reskill) จัดตั้งศูนย์บริการแรงงานเบ็ดเสร็จ และคณะกรรมการร่วมรัฐ–เอกชนด้านแรงงาน (กรอ.แรงงาน) ส่วนด้านค้าปลีก เสนอขยายโครงการ “Easy e-Receipt เฟส 2 จัดตั้งเขตปลอดภาษีในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก คืน VAT ทันทีแก่นักท่องเที่ยว และตั้งศูนย์
- ด้านเกษตรและอาหาร (Agriculture & Food) เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร (Value-Based Agriculture) ผ่านการผลักดัน Product Champions ในสินค้าหลัก เช่น ข้าว ยาง ปาล์ม ไก่ หมู กุ้ง และพืชสมุนไพร พร้อมสนับสนุนการแปรรูป การพัฒนาพันธุ์ด้วยเทคโนโลยี Gene Editing และส่งเสริมสินค้า GI–Future Food แผนยุทธศาสตร์มหานครผลไม้เมืองร้อนของประเทศไทย ขับเคลื่อนสู่ศูนย์กลางการค้าและความรู้ผลไม้เมืองร้อนโลก รวมถึงพัฒนาโครงสร้างฐานราก เช่น ระบบน้ำ ที่ดิน ฐานข้อมูลเกษตรกร และศูนย์ประสานงานสินค้าเกษตรและอาหาร (AFC) ให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลตลาด นอกจากนี้ยังยกระดับอุตสาหกรรมประมง ด้วยการลดภาษีวัตถุดิบ การพัฒนาแรงงานตามมาตรฐานสากล (GLP) และเร่งปลดล็อกข้อจำกัดการส่งออก One Stop Service อำนวยความสะดวกผู้ค้าปลีก
- ด้านการท่องเที่ยวและบริการ (Tourism & Services) เสนอเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและสุขภาพระดับโลก (Global Wellness & Tourism Hub) โดยผลักดันการใช้แนวคิด “Happy Model” เป็นกรอบพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูงมุ่งยกระดับความปลอดภัยและ
ความเชื่อมั่นผ่านโครงการ Trusted Thailand ใช้มาตรการภาษีและการเงินกระตุ้นการท่องเที่ยวหักลดหย่อนภาษีสูงสุด 15,000 บาท และหักภาษี 3 เท่าสำหรับการจัดอบรมต่างจังหวัด) พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม TAGTHAi ให้เป็น National Digital Tourism Utility เชื่อมโยงข้อมูลเมืองหลักและเมืองรอง เสริมเส้นทาง ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและทางทะเล (Wellness & Cruise Tourism) รวมถึงจัดสรร Soft Loan ดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SME และ Startup ด้านท่องเที่ยว เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น - ด้านดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Digital & AI with Innovation) ผลักดันเศรษฐกิจ Digital–Green Economy ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลต่อ GDP จาก 23.9% เป็น 35% ภายในปี 2579 และสร้างงานคุณภาพกว่า 2 ล้านตำแหน่ง เสนอจัดตั้งศูนย์บัญชาการเศรษฐกิจดิจิทัล (DECC) พร้อมกองทุน Digital–Green Infrastructure เพื่อสนับสนุนการลงทุนใน AI, Cloud, Data Center และพลังงานสะอาด พัฒนาโครงการ Thailand AI Ready ยกระดับทักษะประชาชนกว่า 5 ล้านคน และ ออกมาตรการ Digital Visa ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ เสริมด้วย Digital Voucher สำหรับ SME
และกรอบกฎหมายใหม่ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล–กรีน พร้อมมาตรฐาน AI Ethics และ Data Governance การส่งเสริมโครงการพลิกโฉมธุรกิจ สู่ Smart Business ด้วย Automation and Robotics - ด้านความยั่งยืน (Sustainability) เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ลดการเผาในภาคเกษตรด้วยระบบ Traceability ส่งเสริมมาตรฐานการออกแบบบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล การใช้วัสดุหมุนเวียน และแรงจูงใจทางภาษีสำหรับ Green Innovation พร้อมผลักดันตลาดไฟฟ้าเสรี (Open Electricity Market) และขยายความรับผิดชอบผู้ผลิต (EPR) ไปยังอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง และการสนับสนุนโครงการ Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Neutrality 4 ALL)
นอกจากนั้น หอการค้าไทย ยังได้ร่วมกับ กกร. จัดตั้ง คณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นใหม่ให้เศรษฐกิจไทย ซึ่งภาคเอกชนลุกขึ้นร่วมกันสร้างระบบที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และเป็นธรรมมากขึ้นถือเป็นการวางรากฐานสำคัญให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตอย่างมีคุณภาพ การลดคอร์รัปชันจะช่วยลดต้นทุนแฝง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ เปิดโอกาสให้ SMEs แข่งขันได้จริง และทำให้ผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าระบบเศรษฐกิจไทยพร้อมรองรับการลงทุนระยะยาว ดังนั้น Zero Corruption จึงไม่ใช่เพียงโครงการต่อต้านทุจริต แต่คือ “แรงส่งใหม่ของเศรษฐกิจไทย” ที่จะช่วยให้ประเทศก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมและเดินหน้าในทศวรรษต่อไปด้วยความมั่นคง โปร่งใส และพร้อมแข่งขันในระดับโลก
“ข้อเสนอทั้งหมดเป็นประเด็นที่สามารถดำเนินการได้จริงและมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจไทยในทุกภูมิภาค พร้อมทั้งขอขอบคุณหอการค้าจังหวัดสงขลา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ ที่ร่วมกันอำนวยความสะดวกจนผู้ที่เดินทางเข้าร่วมงานสามารถกลับสู่ภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย ทางเราหวังว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายได้ในเร็ววัน และเศรษฐกิจของเมืองหาดใหญ่และจังหวัดสงขลาจะกลับมาฟื้นตัว” ดร.พจน์ กล่าวทิ้งท้าย
#สมุดปกขาว2568 #หอการค้าไทย #ZeroCorruption #เศรษฐกิจไทย #SmartEconomy #น้ำท่วม2568 #MReportTH #IndustryNews
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH
