วิธีการบริหาร “คน” ให้ทำงานร่วมกับ "เทคโนโลยี" จาก คุณชูลิต จาติเสถียร บริษัท แซมโก้ จํากัด (SAMCO)

อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 2562
  • Share :
  • 1,547 Reads   

หากพูดถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีความโดดเด่นในด้านการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตจากโรงงานระดับ SME สู่โรงงานขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐานระดับสากลแล้วนั้น หนึ่งในชื่อที่จะต้องพูดถึง คือ บริษัท แซมโก้ จํากัด (SAMCO) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมยานยนต์มานานกว่า 30 ปี ด้วยมาตรฐานระบบการบริหารงานคุณภาพ ในระดับสากล ISO9000 และมาตรฐานเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ IATF 16949 โดยบริษัทดำเนิน การปรับโครงสร้างธุรกิจจากตลาด After market สู่ตลาด OEM ที่รับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ตาม แบบที่ลูกค้ากำหนด (Original Equipment Manufacturer) และขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทั้งรถยนต์ รถบรรทุก และรถจักรยานยนต์ จึงทำให้ภาพรวมธุรกิจของแซมโก้มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง
 
แซมโก้ ผลิตชิ้นส่วนที่ทำจากเหล็กอัลลอยด์ (Alloy Steel) ซึ่งมี 2 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ ชิ้นส่วนช่วงล่างของ ยานยนต์ (Suspension Parts) และชุดเครื่องมือ (Tool Sets) นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นชิ้น ส่วนสำหรับรถปิกอัพ รถบรรทุก และรถจักรยานยนต์อีกด้วย โดยมีทรัพยากรที่ครอบคลุม 5 กระบวนการผลิต ได้แก่ การขึ้นรูปร้อน (Hot Forging), การปั๊มขึ้นรูป (Stamping), การแมชชีนนิ่ง (Machining), การเชื่อม เสียดทานแบบกวน (Friction Welding), และการพ่นสี (Painting)


การเริ่มต้นของ บริษัท แซมโก้ จํากัด ในปี 2515 โดยคุณชลิต จาติเสถียร นั้นเป็นโรงงานที่มีพนักงาน เพียง 100 คน ทำการผลิตชิ้นส่วนตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์ และส่งออกภายใต้แบรนด์ ของตัวเอง เพื่อป้อนสู่ตลาด After market เป็นหลัก และเมื่อธุรกิจจากรุ่นก่อตั้งได้ถูกส่งไม้ต่อให้ทายาทรุ่น ที่ 2 อย่าง คุณชูลิต จาติเสถียร เข้ามาบริหารงานด้วยความตั้งใจพัฒนากิจการที่คุณพ่อสร้างไว้ให้ประสบ ความสำเร็จ จึงมีการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ โดยมุ่งสู่การผลิตชิ้นส่วน OEM เป็นหลัก และขยายฐาน ลูกค้าครอบคลุมทั้งรถยนต์ รถบรรทุก และรถจักรยานยนต์ จึงเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนเทคโนโลยี และเครื่องจักรอย่างต่อเนื่องตามการขยายงานของบริษัท และจํานวนพนักงานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ปัจจุบัน แซมโก้มีพนักงานกว่า 400 คน โดยคุณชูลิต ได้นำศาสตร์การบริหารงานมาประยุกต์ใช้ในการจัดการ บุคลากรภายในองค์กรให้มีคุณภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาคนให้มีความรู้ความสามารถ เพื่อที่จะทำงานร่วมกับ เทคโนโลยี และใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
 
"ในช่วงแรกของการรับไม้ต่อจากคุณพ่อนั้น ผมไม่ได้มีประสบการณ์ในการทำงานกับองค์กรใหญ่ ๆ ที่มีการ บริหารจัดงานอย่างเป็นระบบ ทำให้เห็นว่า ผมจำเป็นจะต้องเรียนรู้ระบบในทุก ๆ ส่วนให้ดีเสียก่อน ตั้งแต่การ ทำงานระดับพนักงาน ไปจนถึงระดับผู้บริหาร เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจของตนเอง รวมถึงเห็นปัญหาที่ จะต้องได้รับการแก้ไขในองค์กร ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสามารถเรียนรู้ระบบของบริษัทได้ทั้งหมด”
 
เมื่อโอกาสมาถึง ในช่วงที่หันมาผลิตชิ้นส่วน OEM ทำให้แซมโก้มีโอกาสได้รับคำสั่งซื้อที่มีความท้าทาย บริษัทจึงต้องพัฒนากระบวนการผลิตให้เท่าทันกับโจทย์ที่ได้รับ โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร ที่สามารถลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด และในขณะเดียวกันจะต้องสามารถเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้อีกด้วย แซมโก้จึงได้มีการลงทุนเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ในระยะยาวอยู่หลายโครงการ อาทิเช่น การลงทุนเครื่อง Fiction Welding สำหรับงานเชื่อมที่มีคุณภาพสูง และเป็นการแสดงออกถึงศักยภาพในการพัฒนากระบวนการผลิตให้เทียบเท่ากับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก, การลงทุนเครื่อง CNC กว่า 20 เครื่อง เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตให้ เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ, การนำ Gantry Loader ซึ่งเป็นระบบ อัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการ Load-Unload ในเครื่อง CNC เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ควบคุม ต้นทุนการผลิต และเพิ่มอัตราการผลิตให้สูงขึ้น และการนำเครื่องจักรเฉพาะทาง (Special Purpose Machine) มาใช้ในการผลิต Tool Sets ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนรูปแบบ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ มีคุณภาพคงที่  มีต้นทุนการผลิตต่ำ  และสามารถนำมาใช้ในการผลิตระยะยาวได้
 
และด้วยอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์หลักของแซมโก้นั้น เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ในระบบช่วงล่างของยานยนต์ ซึ่งเกี่ยวข้อง โดยตรงกับระบบความปลอดภัยในระบบคันชักคันส่งพวงมาลัยของเครื่องยนต์ ดังนั้น การผลิตชิ้นส่วนช่วง ล่างจึงเป็นชิ้นส่วนด้านความปลอดภัย (Safety Parts) ที่ต้องให้ความสำคัญในการผลิตมากเป็นพิเศษ เพื่อ ให้ชิ้นส่วนที่ผลิตออกมาทุกชิ้นใต้มาตรฐาน สำหรับความปลอดภัยของผู้ใช้ยานยนต์ ทำให้บริษัทได้ผ่านการ รับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ IATF 16949
 
คุณชูลิตเผยว่า ความชอบ ความถนัด และประสบการณ์ เป็น 3 สิ่งที่ผู้บริหารควรจะให้ความสำคัญ เพราะจะ เป็นบันไดก้าวแรกในการต่อยอดไปสู่การบริหารองค์กรได้อย่างมีความสุข และประสบความสำเร็จ ดั่งที่ตนได้ เดินอยู่ในเส้นทางที่ทำให้วันนี้ของแซมโก้เติบโตสู่โรงงานขนาดใหญ่ และมียอดขายเฉลี่ย 500 ล้าน บาทต่อปี