สหรัฐฯ เงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภค

เสี่ยงเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ สูงสุดรอบ 31 ปี

อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2564
  • Share :
  • 1,446 Reads   

วิกฤตซัพพลานเชนโลก ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐอเมริกาในเดือนตุลาคม 2021 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 31 ปี เสี่ยงเงินเฟ้อสูงกว่าคาดการณ์

Advertisement

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021 กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนตุลาคม 2021เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้ามากถึง 6.2% และเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดในรอบ 31 ปี โดยมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการผู้บริโภคหลังโควิด ราคาน้ำมัน วิกฤตซัพพลายเชน และการระบาดของโควิดระลอกใหม่ในจีนและเวียดนาม

  • ชมคลิป “โควิดอาเซียน” คลื่นลูกที่ 2 วิกฤตชิปขาดตลาด คลิก

ราคาสินค้าที่พุ่งสูงนี้สร้างความกังวลให้กับสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแนวโน้มที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง ซึ่งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ราคาสินค้าหลายชนิดในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีสินค้าหลายชนิดขาดตลาดเนื่องจากมีชิ้นส่วนไม่เพียงพอต่อการผลิต ซึ่งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ยอดขายยานยนต์ในสหรัฐได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคารถมือสองพุ่งสูงถึง 26.4% อีกด้วย 

โดยในเดือนตุลาคม 2021 ราคาน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนหน้าสูงถึง 59.1% ในขณะที่ราคาพลังงานเพิ่มขึ้น 30.0% และราคาอาหารเพิ่มขึ้น 11.9% นอกจากนี้ สินค้าอย่างเฟอร์นิเจอร์, เคมีภัณฑ์, และอื่น ๆ เองก็มีราคาสูงขึ้น ในขณะที่ค่าแรงโดยเฉลี่ยในสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียงชั่วโมงละ 0.4% เท่านั้น

ทำเนียบขาวและธนาคารกลางสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้ความเสี่ยงที่สหรัฐฯ จะประสบสภาวะเงินเฟ้อสูงกว่าที่คาดการณ์ และจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปไม่ตามเป้า อย่างไรก็ตาม หากแก้ปัญหาคอขวดด้านซัพพลายเชนได้ก็มีแนวโน้มว่าสถานการณ์นี้จะคลี่คลายลง

อย่างไรก็ตาม พรรคริพับลิกันแสดงความเห็นว่า สถานการณ์ในปัจจุบันไม่ได้เป็นผลจากวิกฤตซัพพลายเชนแต่อย่างเดียว แต่ยังเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่ทำให้วิกฤตนี้รุนแรงกว่าที่ควร

 

#ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ #เงินเฟ้อ #เศรษฐกิจสหรัฐ #วิกฤตซัพพลายเชน #โควิด ผลกระทบ #ข่าวต่างประเทศ #Mreport #mreportth #เอ็มรีพอร์ต #ข่าวอุตสาหกรรม #วงในอุตสาหกรรม

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH