ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ATTRIC อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

'ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ' พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบปี'69

อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 2565
  • Share :
  • 8,827 Reads   

สมอ. เผยการก่อสร้าง ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ(ATTRIC) คืบหน้าแล้วกว่าครึ่ง คาดแล้วเสร็จ 100% เปิดให้บริการเต็มรูปแบบปี 2569 หนุนไทยฮับอุตสาหกรรมยานยนต์อาเซียน

วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  เปิดเผยความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center – ATTRIC) ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ดำเนินการบนพื้นที่ 1,235 ไร่ ณ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)

การก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อของไทย ไปสู่การเป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์ (Super Cluster) ตามยุทธศาสตร์ของประเทศและศักยภาพของพื้นที่ สนับสนุนให้มีการออกแบบ วิจัยพัฒนา และนวัตกรรม ตลอดจนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ไทยเป็นผู้นำและเป็นศูนย์กลางการทดสอบและรับรองในภูมิภาคอาเซียน มีบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถในด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อ สามารถทดสอบและรับรองได้เองในประเทศ

นอกจากนี้ ยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในประเทศที่ไม่ต้องส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบที่ต่างประเทศ สร้างแรงจูงใจให้กับผู้ลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดการพัฒนาและเจริญเติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเฉพาะการเป็นศูนย์ทดสอบเพื่อรองรับมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า ยางล้อ ชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งการทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า

ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ATTRIC อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

ด้าน นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ใช้งบประมาณในการดำเนินการทั้งสิ้น 3,705.7 ล้านบาท ซึ่งได้รับการจัดสรรแล้ว 1,872.7 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการของบประมาณ ปี 2566 อีก 1,833 ล้านบาท โดยการดำเนินการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ 

ระยะที่ 1 ส่วนทดสอบยางล้อ ได้ดำเนินการก่อสร้างสนามทดสอบยางล้อ ตามมาตรฐาน UN R117 (เกณฑ์มาตรฐานยางล้อที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งยุโรปของสหประชาชาติ)  และอาคารปฏิบัติการทดสอบยางล้อแล้วเสร็จ รวมทั้งดำเนินการติดตั้งเครื่องมือทดสอบยางล้อ ด้านมลพิษทางเสียง การยึดเกาะบนพื้นผิวเปียก และความต้านทานการหมุน แล้วเสร็จ โดยเปิดให้บริการทดสอบแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ส่วนอาคารสำนักงานคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 

ระยะที่ 2 ส่วนทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารและสนามทดสอบแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ สถานีควบคุมการทดสอบ สนามทดสอบระบบเบรก (Brake Performance Track)  สนามทดสอบระบบเบรกมือ (Park Brake (Test Hill) Track)  สนามทดสอบพลวัต (Dynamic Platform Track)       

สนามทดสอบการยึดเกาะขณะเข้าโค้ง (Skid Pad Track) และถนนหลักในสนามทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วน  รวมทั้ง ดำเนินการติดตั้งเครื่องมือทดสอบ ได้แก่  ชุดทดสอบเข็มขัดนิรภัย ชุดทดสอบจุดยึดเข็มขัดนิรภัย และชุดทดสอบที่นั่ง จุดยึดที่นั่ง และพนักพิงศีรษะแล้วเสร็จ คงเหลือชุดทดสอบห้ามล้อ ที่อยู่ระหว่างการติดตั้งและส่งมอบซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ ในปี 2565

“สำหรับการของบประมาณโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ในปี 2566 ส่วนที่เหลืออีก 1,833 ล้านบาทนั้น จะใช้สำหรับการก่อสร้างสนามทดสอบสมรรถนะและความเร็ว อาคารสำหรับเตรียมสภาพรถ ทางวิ่งส่วนต่อขยายจากสนามทดสอบยางล้อ และ LAB ทดสอบการชน รวมทั้งใช้ในการจัดซื้อเครื่องมือทดสอบเพิ่มเติม ได้แก่ ชุดทดสอบอุปกรณ์เลี้ยว ชุดทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง ชุดทดสอบมาตรความเร็ว ชุดทดสอบความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง พลังงานไฟฟ้า และระยะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ชุดทดสอบการชนด้านหน้าและการชนด้านข้าง และชุดทดสอบอุปกรณ์สัญญาณเสียงเตือน ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ คาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างครบวงจรในปี 2569” เลขาธิการ สมอ. กล่าวทิ้งท้าย 

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH