รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศปี 2567 เป็นแห่งการสนับสนุนบริษัทขนาดกลาง

รัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศปี 2567 เป็นปีแห่งการสนับสนุนบริษัทขนาดกลาง

อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 2567
  • Share :
  • 1,919 Reads   

รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศให้ปี 2567 เป็นปีแรกที่รัฐบาลจะริเริ่มนโยบายสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลาง โดยให้สิทธิพิเศษสำหรับการลงทุนในประเทศและการควบรวมกิจการ (M&A) หวังใช้เป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจประเทศ

ญี่ปุ่น 5 เม.ย. 67 รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศให้ปี 2567 เป็นปีแรกที่รัฐบาลจะริเริ่มนโยบายสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางเป็นพิเศษ ผ่านการให้สิทธิพิเศษสำหรับการลงทุนในประเทศและการควบรวมกิจการ (M&A) เนื่องจากบริษัทขนาดกลางส่วนใหญ่ตั้งฐานการผลิตในเขตชนบท ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการลงทุนในระดับภูมิภาคและระดับอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้น เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า และเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

"ผมรู้สึกเป็นอย่างยิ่งว่า วิสาหกิจขนาดกลางคือพลังขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่น" 

Takeshi Saito รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม กล่าวระหว่างการเยี่ยมชมบริษัท ฟูกุชิมา กาลิเลอิ ซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลางที่ผลิตตู้แช่แข็งและสินค้าอื่น ๆ โดยบริษัทแห่งนี้มีแผนขยายกิจการด้วยการควบรวมกิจการในธุรกิจอาหาร พร้อมทั้งปรับขึ้นค่าจ้างให้พนักงานทั้งหมด 11% ในช่วงปี 2566-2567

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ตั้งเป้าที่จะผลักดันร่างกฎหมายแก้ไขพระราชบัญญัติส่งเสริมความสามารถทางอุตสาหกรรม โดยจะกำหนดนิยามวิสาหกิจขนาดกลางให้หมายถึงบริษัทที่มีพนักงานไม่เกิน 2,000 คน เพื่อแยกออกจากบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานมากกว่านั้น ซึ่งคาดว่าจะมีบริษัทที่จัดอยู่ในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางประมาณ 9,000 ราย ทั้งบริษัทจดทะเบียนและไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นิยามของ ธุรกิจ SMEs และปัญหาการเติบโต

ในญี่ปุ่น วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนด้วยจำนวนพนักงานและเงินทุนภายใต้พระราชบัญญัติพื้นฐานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แต่ไม่มีวิสาหกิจขนาดกลาง เป็นผลให้บริษัทขนาดกลางถูกจัดประเภทตามกฎหมายว่าเป็น “บริษัทขนาดใหญ่” เช่นเดียวกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูง เช่น Toyota Motor Corporation และถูกบังคับให้ดำเนินธุรกิจโดยใช้ทรัพยากรทางการเงินและบุคลากรน้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่ ในเอเชีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่ได้ส่งเสริมนโยบายระดับกลางมาตั้งแต่ปี 2563

บริษัทขนาดกลางของญี่ปุ่นหลายแห่งมีสำนักงานใหญ่และโรงงานในพื้นที่ชนบท และเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจท้องถิ่น จากการสำรวจของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม แสดงให้เห็นว่า วิสาหกิจขนาดกลางมีมูลค่าการลงทุนในประเทศสูงถึง 1.5 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 37.5%

นอกจากนี้ วิสาหกิจขนาดกลางยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการจ้างงานและปรับค่าจ้างในระดับพื้นที่ เนื่องจากมักตั้งสำนักงานใหญ่และฐานการผลิตในพื้นที่ชนบท โดยข้อมูลระบุว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเพิ่มของเงินเดือนรวมของวิสาหกิจขนาดกลางอยู่ที่ 18% สูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นเพียง 12.3%



ในบรรดาบริษัทที่ตอบแบบสำรวจพื้นฐานเกี่ยวกับกิจกรรมขององค์กรในปีงบประมาณ 2555 - 2565 (การสำรวจจัดทำในปีงบประมาณ 2554 - 2564) การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนและจำนวนรวมที่เพิ่มขึ้นหลังจาก 10 ปีสำหรับกลุ่มบริษัทที่ถูกจัดประเภทเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ได้อ้างอิงตามช่วงเวลาของการสำรวจในปีงบประมาณ 2555 ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรม

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ระบุ แม้ว่าบริษัทขนาดกลางจะยังมีรายได้และกำไรสุทธิต่อบริษัทต่ำกว่าบริษัทขนาดใหญ่ แต่สัดส่วนของบริษัทที่สามารถเติบโตจากขนาดกลางเป็นขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นยังต่ำกว่าประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ดังนั้น การส่งเสริมการลงทุนและการควบรวมกิจการจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับช่วยผลักดันให้บริษัทขนาดกลางเติบโตต่อไปได้ 

การที่รัฐบาลประกาศให้ปีนี้เป็น "ปีแรกของวิสาหกิจขนาดกลาง" จะช่วยกระตุ้นให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของวิสาหกิจในกลุ่มนี้มากขึ้น โดยจะได้รับความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสถาบันการเงินภูมิภาค เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจท้องถิ่นสามารถเติบโตก้าวหน้า นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายหลักของรัฐบาลในการผลักดันการเพิ่มค่าจ้างแรงงานอย่างยั่งยืนในทุกพื้นที่

แต่คำถามคือว่าพวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จาก “ปีแรกของบริษัทขนาดกลาง” และสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเติบโตต่อไปของบริษัทขนาดกลางโดยการมีส่วนร่วมของรัฐบาลท้องถิ่นและสถาบันการเงินในภูมิภาคได้หรือไม่


#เศรษฐกิจญี่ปุ่น #บริษัทขนาดกลาง #ควบรวมกิจการ #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH