แนวโน้มอุตสาหกรรมรายสาขาสำคัญของไทย ไตรมาส 2/2568

แนวโน้มอุตสาหกรรมรายสาขาสำคัญของไทย ไตรมาส 2/2568

อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 2568
  • Share :

กองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผย แนวโน้มอุตสาหกรรมรายสาขาที่สำคัญ ไตรมาสที่ 2/2568 : MPI มีค่าอยู่ที่ 100.21 ลดลงร้อยละ 1.61 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า 

คาดการณ์การผลิตจะหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการสั่งระงับการผลิตเพื่อปรับปรุงแก้ไขในโรงงานที่มีกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์เหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศทั่วโลก เพื่อปกป้องผู้ผลิตเหล็กในประเทศ

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

คาดว่าดัชนีผลผลิตจะมีการหดตัวลง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์โลก อาจจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและอาจทำให้การผลิตในอุตสาหกรรมชะลอตัวลง และมูลค่าการส่งออกคาดว่าจะหดตัวลง เนื่องจากมีการเร่งสต็อกสินค้าไว้ล่วงหน้าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 อย่างไรก็ตาม ควรติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

คาดว่าดัชนีผลผลิตและมูลค่าการส่งออกจะหดตัวลง เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะในประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา การเร่งสต็อกสินค้าไว้ล่วงหน้าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 รวมถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่หดตัวลงทำให้คำสั่งซื้ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมปลายทางลดลง

อุตสาหกรรมรถยนต์

คาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์ประมาณ 360,000 คัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ 2 ปี 2567 จากความเป็นไปได้ของมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น การผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อทำให้ตลาดในประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยการผลิตแบ่งเป็น การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 40-45 และการผลิตเพื่อส่งออกร้อยละ 55-60

อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์

คาดว่าจะมีการผลิตรถจักรยานยนต์กว่า 480,000 คัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ 2 ปี 2567 จากความเป็นไปได้ของมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของรัฐบาล และเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยการผลิตแบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 80-85 และการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณร้อยละ 15-20

เยื่อกระดาษ กระดาษ และสิ่งพิมพ์

คาดว่า เยื่อกระดาษ กระดาษและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์จะขยายตัวตามการบริโภคในประเทศ และจะขยายตัวได้ทั้ง supply chain สำหรับการส่งออกเยื่อกระดาษไปยังประเทศจีน คาดว่าจะสามารถส่งออกเป็นบวกได้ตามความต้องการของผู้ใช้ปลายทาง ในขณะที่กลุ่มหนังสือและสิ่งพิมพ์การส่งออกจะขยายตัวได้ไม่มากนัก เนื่องจากความต้องการที่ลดลงของตลาดนำเข้า เช่น ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกาแต่หลังนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาตรการ Reciprocal Tariff คาดว่า อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษกระดาษ และสิ่งพิมพ์ของไทยมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก

ไม้และเครื่องเรือน

คาดการณ์ได้ว่า ปริมาณการผลิตและการจำหน่ายเครื่องเรือนทำด้วยไม้ในประเทศจะยังคงทรงตัวจากปัจจัยหลายด้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าความต้องการไม้ในประเทศจะยังคงมีอยู่โดยเฉพาะในภาคก่อสร้างและอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้วัสดุในประเทศ ขณะเดียวกันอาจเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายการค้าของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีผลต่อภาคการผลิตของเศรษฐกิจไทยด้านการส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ไม้คาดการณ์ได้ว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากอุปสงค์ความต้องการของประเทศคู่ค้าสำคัญที่ขยายตัวโดยเฉพาะความต้องการสินค้าในกลุ่มไม้และผลิตภัณฑ์แผ่นไม้

อุตสาหกรรมยาง และผลิตภัณฑ์ยาง

คาดการณ์ได้ว่า ปริมาณการผลิตยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) จะขยายตัวทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์จากความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ภาคการผลิตยางรถยนต์ มีแนวโน้มชะลอตัวตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาคการผลิตถุงมือยางที่คาดว่าจะชะลอตัวลงจากตลาดส่งออกหลักที่เริ่มนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่แข่งของไทยที่มีราคาถูกกว่า

อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ

คาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวเพียงเล็กน้อยเนื่องจากอุปสงค์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว และการจัดงานแสดงสินค้า อีกทั้งการเร่งนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ก่อนมาตรการการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการจึงต้องติดตามนโยบายของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์โดยใช้เทคโนโลยีมากขึ้นเข้ามาจัดการในกระบวนการผลิตเพื่อเป็นการลดต้นทุนโดยไม่กระทบต่อคุณภาพสินค้า ขยายตลาดมองหาโอกาสใหม่ ๆ และเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดศักยภาพเดิม โดยเน้นเครื่องประดับแท้ที่มีมูลค่าสูง ออกแบบพิเศษ ใช้อัญมณีที่รับรองแหล่งที่มา ด้วยจุดแข็งของไทยในด้านคุณภาพและฝีมือก็ยังมีโอกาสปรับตัวได้

อุตสาหกรรมอาหาร

คาดว่าดัชนีผลผลิตในภาพรวมและมูลค่าการส่งออกจะคงตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐอเมริกาและจีน และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร

 

อ่านย้อนหลัง:

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH