คลื่นความร้อนถล่มจีน โรงงานในเสฉวนหยุดผลิต ส่งผลกระทบอย่างไร?

อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 2565

คลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปีของจีน กระทบผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมสำคัญรวมถึงเหมืองแร่ลิเธียม โพลีซิลิคอน ไปจนถึงกำลังการผลิตอะลูมิเนียมและสังกะสี

คลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปีของจีน กำลังกลายเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับตาและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยรัฐบาลจีนได้สั่งปิดโรงงานใน 19 เมือง จากทั้งหมด 21 เมืองของมณฑลเสฉวนเป็นเวลา 6 วัน ระหว่างวันที่ 15 - 20 สิงหาคมนี้ เพื่อป้องกันการขาดแคลนพลังงานจากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำลดจนโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง ซึ่งไฟฟ้ากว่า 80% ของเสฉวนมาจากโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำ

Advertisement

โดยมณฑลเสฉวน เป็นที่ตั้งของผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมสำคัญหลายราย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่าง Foxconn และ Intel ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อย่าง CATL ผู้ผลิตยานยนต์อย่าง Toyota อีกทั้งยังเป็นแหล่งเหมืองแร่ลิเธียมและโพลีซิลิคอน (Polysilicon) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโซล่าเซลล์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม สำนักข่าว CNN อ้างอิงข้อมูลจาก Daiwa Capital ธนาคารเพื่อการลงทุนของญี่ปุ่น ระบุว่า การปิดโรงงานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์อาจทำให้ราคาลิเธียมและโพลีซิลิคอนเพิ่มขึ้นจากเดิมได้

ทางด้าน Nasdaq ตลาดหลักทรัพย์บริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา รายงานในวันเดียวกันถึงความกังวลต่อการปิดโรงงานนี้อาจส่งผลต่อกำลังการผลิตอะลูมิเนียมและสังกะสี ทั้งในมณฑลเสฉวนและมณฑลข้างเคียง

โดยในช่วงเช้าของวันที่ 17 สิงหาคม 2022 ราคาอะลูมิเนียมในตลาด Shanghai Futures Exchange (SFE) ได้พุ่งขึ้น 4.3% จนมีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 ในขณะที่ราคาสังกะสีในตลาดเดียวกันเพิ่มขึ้น 4.6% สูงสุดในรอบสองเดือน ก่อนลดลงในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ซึ่งราคาที่เพิ่มขึ้นสูงนี้มีอีกปัจจัยมาจากการปิดโรงหลอมในยุโรปที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน คือ Norsk Hydro จากนอร์เวย์ที่ประกาศปิดโรงหลอมอะลูมิเนียมในสโลวาเกียเมื่อสิ้นเดือนกันยายน และ Nyrstar ที่จะปิดปรับปรุงโรงหลอมสังกะสีตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป

ทางด้าน Bloomberg รายงานว่า คลื่นความร้อนทำให้การใช้พลังงานในมณฑลเสฉวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจนนำไปสู่การปิดโรงงานเพื่อป้องกันปริมาณไฟฟ้าไม่เพียงพอ แต่ได้แสดงความเห็นว่าน้ำท่วมหนักในมณฑลซานซีซึ่งทำให้เหมืองถ่านหินถูกปิดอาจส่งผลกระทบในวงกว้างกว่า โดยระบุว่า Volkswagen ได้ประสบกับการจัดส่งที่ล่าช้าลงเล็กน้อย ในขณะที่ฐานการผลิต iPad ของ Apple เองก็มีผลกระทบจากการปิดโรงงานเพียงเล็กน้อยเช่นกัน