Semiconductor Foundries Restructure: TSMC Leads, China Rises

กระแสการปรับโครงสร้างในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์: TSMC นำทัพ จีนเร่งไล่ตาม

อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 2568

UMC และ Globa lFoundries กำลังเจรจาควบรวมกิจการ ขณะที่ TSMC ครองความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และจีนขยายอิทธิพลในอุตสาหกรรมชิป ท่ามกลางแรงกดดันที่ทำให้ foundry ต้องเร่งปรับตัว

Advertisement

อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยบริษัท United Microelectronics Corporation (UMC) จากไต้หวัน อันดับ 4 ของโลก และ Global Foundries (GF) จากสหรัฐฯ อันดับ 5 ของโลก กำลังพิจารณาการควบรวมกิจการ ขณะที่ Intel เองก็กำลังเจรจาความร่วมมือกับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ผู้นำตลาด ด้วยแรงกดดันจากเทคโนโลยีขั้นสูงของ TSMC และการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทจีน ทำให้เกิดกระแสการปรับโครงสร้างในกลุ่มโรงงานรับจ้างผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (Foundry Sector) ซึ่งกำลังกลายเป็นแกนกลางของอุตสาหกรรมแทนผู้ผลิตแบบครบวงจร (IDM)

UMC และ GF ต่างผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับรถยนต์และอุปกรณ์สื่อสาร โดยข้อมูลจาก TrendForce ระบุว่า ในปี 2024 UMC มีส่วนแบ่งตลาด 4.7% ส่วน GF มี 4.6% รวมกันแล้วจะสูงถึง 9.3% แซงหน้า Samsung Electronics จากเกาหลีใต้ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 ที่มีเพียง 8.1% นักวิเคราะห์รายหนึ่งชี้ว่า “ด้วยระบบการจัดซื้อแบบรวมศูนย์และการรักษาฐานลูกค้าเดิม การควบรวมกิจการจะช่วยลดต้นทุนได้มากขึ้น”

อีกปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของบริษัทจีน โดย Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) โรงงานรับจ้างผลิตรายใหญ่ของจีนสามารถผลิตชิปรุ่นเก่าจนถึงระดับ 7 นาโนเมตร ขณะเดียวกัน Hua Hong Semiconductor ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์อนาล็อก ก็กำลังขยายธุรกิจเช่นกัน โดย SMIC ยังมีฐานการผลิตในญี่ปุ่น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าหากการผลิตย้ายออกจากญี่ปุ่น อาจยากที่จะย้ายกลับเพราะต้นทุนที่สูงกว่า

นอกจากนี้ ตลาดเซมิคอนดักเตอร์สำหรับยานยนต์ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว “UMC และ Powerchip Semiconductor Manufacturing Corporation (PSMC) ของไต้หวัน ต่างก็มีอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงอย่างมาก” แหล่งข่าวหนึ่งระบุ

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงควบรวมยังมีความไม่แน่นอน โดยในปี 2023 Intel ล้มเลิกแผนซื้อกิจการ Tower Semiconductor จากอิสราเอล เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากทางการจีน ซึ่งในกรณีของ UMC-GF ก็เช่นกัน เนื่องจากอาจส่งผลต่อการแข่งขันกับ SMIC

ในอีกด้าน Intel และ TSMC มีรายงานว่าได้ตกลงตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อบริหารโรงงานผลิตชิป ซึ่ง TSMC จะถือหุ้น 20% โดย TSMC มีความสามารถด้านเทคโนโลยีสูงกว่ามาก การร่วมทุนครั้งนี้จึงอาจเป็นความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาขีดความสามารถด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง

เมื่อ TSMC ยังคงเป็นผู้นำ และจีนเร่งไล่ตาม กลุ่ม foundry ที่อยู่ตรงกลางจึงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และการปรับโครงสร้างก็อาจเป็นความหวังสุดท้าย