
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค. 2568 ลดต่อเนื่อง 7 เดือน ต่ำสุดรอบ 32 เดือน
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคม 2568 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 32 เดือน สะท้อนความกังวลต่อการเมือง เศรษฐกิจชะลอ และค่าครองชีพสูง
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ค. 2568 ร่วงต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน 2568 ต่ำสุดรอบ 28 เดือน! ผู้บริโภคไม่มั่นใจเศรษฐกิจ แม้รัฐอัดมาตรการกระตุ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนสิงหาคม 2568 ที่จัดทำโดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและหอการค้าไทย ได้ดำเนินการโดยออกแบบสอบถามตัวอย่างจากประชาชนทั่วประเทศเป็นจำนวน 2,244 คน แยกเป็นกลุ่มตัวอย่างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ร้อยละ 40.2 และต่างจังหวัดร้อยละ 59.8 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย และเพศหญิง ประมาณร้อยละ 49.8และ 50.2 ตามลำดับ
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทย
ปัจจัยด้านบวก
- สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผยภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 2/2568 ขยายตัว 2.8% และแนวโน้มครึ่งแรกของปี 2568 ขยายตัว 3.0% พร้อมท้งัปรับประมาณการ GDP ปี 2568เพิ่มขึ้นเป็น 1.8–2.3% (โดยรวมของค่ากลาง 2.0%) จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1.3–2.3% (ค่ากลาง 1.8%) สะท้อนถึงแนวโนม้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกการส่งออกที่กลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีซึ่งส่งผลดีต่อกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของไทย
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็ น 1.50% ต่อปี แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปี แรกขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้ แต่ผลจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะซ้า เติมปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามารถการแข่งขัน ในช่วงครึ่งปีหลงัและปีหนา้ ส่งผลให้เอสเอ็มอีและครัวเรือนบางภาคส่วนเปราะบางมากขึ้นประกอบกับเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำทำให้ไม่มีปัญหาต่อการลดดอกเบี้ยขณะที่สินเชื่อขยายตัวในระดับต่ำมาก
- ผลการเจรจาทางการค้าระหว่างรัฐบาลไทยและสหรัฐฯ ที่สหรัฐฯ ได้ลดอัตราภาษีนำเข้าลงมาเหลือ 19% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้น ไป ซึ่งเป็นการลดลงจากภาษีนา เข้าก่อนหน้านี้ที่สูงถึง 36% การเจรจาคร้ังนี้ถือเป็นความสำเร็จที่ช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขัน ของสินค้าส่งออกไทยในตลาดสหรัฐฯ ให้อยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับประเทศในภูมิภาคอาเซียนและคู่แข่งอื่นๆ และช่วยให้ไทยยังคงความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้ดี
- รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ประจำปี 2568 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชน ผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องสนับสนุนการสร้างงานและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสามารถจองใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป และสามารถเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคม 2568
- การส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2568 มีมูลค่า 28,580.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 11.02% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 28,258.62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.14% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 322.09 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ช่วง 7 เดือนปี 2568 ส่งออกได้รวม 195,432.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.42 และมีการนำเข้ารวม 195,172.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.60 ส่งผลให้เกินดุลการค้ารวม 259.89ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับ 32.439 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 เป็น 32.454 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 สะท้อนว่ามีการไหลเข้าสุทธิของเงินตราต่างประเทศ
ปัจจัยด้านลบ
- ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกฯ แพทองธาร ชินวตัร หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวต้ังแต่วัน ที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา และเมื่อวันที่ 29 สิ งหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยให้พ้นต่ำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากกรณีคลิปเสียงสนทนาส่วนตัวกับประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะต้องพ้นตำแหน่งด้วย ส่งผลให้สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองมีสูงขึ้น
- SET Index ในเดือนสิงหาคม 2568 ปรับตัวลดลง 5.74 จุด โดยปรับตัวลดลงจาก 1,242.35 จุด ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 เป็น 1,236.61 จุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นการไหลออกของเงินทุนต่างชาติจากทั้งตลาดพันธบตัรและหุ้น ไทย ท่ามกลางส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของไทยและสหรัฐที่กว้างขึ้น
- ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายไทย -กัมพูชา ที่ยกระดับจนเกิดเหตุรุนแรงจนเกิดการสู้รบในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม แม้ว่าจะมีการเจรจาหยุดยิงก็ตาม แต่สถานการณ์ดังกล่าว ยังส่งผลให้เกิดความกังวลต่อประชาชนในจังหวัดตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา รวมทั้งบรรยากาศการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนที่ชะงักงัน
- ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัว ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงผู้บริโภคยังรู้สึกว่ารายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
- ระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 (E10) ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.50 และ 0.50 บาทต่อลิตร จากระดับ 32.08 และ 32.45 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 ตามลำดับ มาอยู่ที่ระดับ 32.58 และ 32.95 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 ตามลำดับ ส่วนราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศยังคงทรงตัวจากเดือนที่มา โดยอยู่ที่ระดับ 31.94 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2568
- ราคาข้าวเปลือกเจ้า มันสำปะหลัง และยางพารา อยู่ในระดับต่ำกว่าปี ที่ผ่านมา อาจส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก มีผลต่อกำลังซื้อในบางพื้นที่ต่างจังหวัดในระยะนี้
- ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคเหนือ ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร
- ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อ ทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับขบวนการฮามาส (Hamas) ตลอดจนสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันและพลังงานโลกยังทรงตัวสูงและกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกให้ช้าลงหรือชะลอตัวลงและอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต
จากผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนสิงหาคม 2568 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 32 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นมา เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยให้นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผลกระทบจากสงครามการค้าที่สหรัฐฯ ได้ลดอัตราภาษีนำเข้าลงจาก 36% มาเหลือ 19% และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และฟื้นตัวได้ช้า
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 44.1 48.3 และ 58.0 ตามลำดับ ปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนกรกฎาคม ที่อยู่ในระดับ 45.6 49.8 และ 59.6 ตามลำดับ การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ และค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 51.7 เป็น 50.1 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 32 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นมา การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง ตลอดจนปัญหาสงครามการค้า ยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 36.7 เป็น 36.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวลดลงจากระดับ 58.9 มาอยู่ที่ระดับ 58.1 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 แสดงว่า ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นของบริโภคลดลงได้ในอนาคตหากการเมืองไทยขาดเสถียรภาพและเศรษฐกิจไม่สามารถจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
#ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค #เศรษฐกิจไทย #GDP Thailand #อุตสาหกรรมไทย #MReportTH #IndustryNews
ทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH