“นิปปอน สตีล” ปิดดีลซื้อ US Steel พร้อมเดินเกมใหญ่ ทุ่มลงทุน 4 ล้านล้านเยน

“นิปปอน สตีล” ปิดดีลซื้อ US Steel พร้อมเดินเกมใหญ่ ทุ่มลงทุน 4 ล้านล้านเยน

อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 2568
  • Share :
  • 395 Reads   

ทรัมป์กลับลำ หนุนดีลนิปปอน สตีล ซื้อ US Steel

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงจุดยืนสนับสนุนการเข้าซื้อกิจการ US Steel โดย นิปปอน สตีล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการกลับลำจากท่าทีคัดค้านก่อนหน้านี้ พร้อมยกเครดิตให้กับนโยบายภาษีที่ช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนครั้งมหาศาลเข้าสหรัฐฯ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดด้านโครงสร้างการถือหุ้น แต่การอนุมัติครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของดีลที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2023 โดยนิปปอน สตีล ตั้งเป้าถือครองกิจการทั้งหมดเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและขยายตลาดในสหรัฐฯ

Advertisement

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ทรัมป์โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า “นี่คือความร่วมมือที่จะสร้างงานไม่ต่ำกว่า 70,000 ตำแหน่ง และกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้กว่า 14 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2 ล้านล้านเยน)” พร้อมย้ำว่านโยบายภาษีจะทำให้ “เหล็ก Made in America กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”

ด้านนิปปอน สตีล แถลงการณ์ตอบรับว่า “เรานับถือการตัดสินใจอันกล้าหาญของประธานาธิบดีทรัมป์” พร้อมย้ำว่าแผนการเข้าซื้อกิจการสอดคล้องกับแนวทางปกป้องแรงงานอเมริกัน อุตสาหกรรมเหล็ก และความมั่นคงของประเทศ

นิปปอน สตีล เตรียมทุ่ม 4 ล้านล้านเยน ลงทุนในสหรัฐฯ ขึ้นแท่นผู้ผลิตเหล็กอันดับ 3 ของโลก

นิปปอน สตีล วางแผนลงทุนรวมกว่า 4 ล้านล้านเยน แบ่งเป็นงบซื้อหุ้น 100% มูลค่า 2.2 ล้านล้านเยน และงบลงทุนเติบโตในสหรัฐฯ อีกประมาณ 2 ล้านล้านเยน โดยจะสร้างโรงงานใหม่และยกระดับเทคโนโลยีการผลิตในพื้นที่ ด้วยเป้าหมายการเติบโตระยะยาวในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งมีมาตรการภาษีป้องกันเหล็กนำเข้าราคาถูกจากจีน

หากดีลสำเร็จ จะทำให้กำลังการผลิตเหล็กของนิปปอน สตีล เพิ่มขึ้นเกือบ 40% เป็นประมาณ 59 ล้านตันต่อปีในปี 2023 ขึ้นแท่นผู้ผลิตเหล็กอันดับ 3 ของโลก และเปิดโอกาสรุกตลาดสหรัฐฯ อย่างจริงจังในช่วงที่จีนยังคงส่งออกเหล็กส่วนเกินอย่างต่อเนื่อง

“เรามองว่า การผลิตครบวงจรในสหรัฐฯ จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ” ทาดาชิ อิไม ประธานบริษัท กล่าว โดยเฉพาะท่ามกลางวิกฤตซัพพลายเชนและนโยบายภาษีใหม่

ดีลนี้เคยถูกขัดขวางโดยสหภาพแรงงาน USW และการเมืองในช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยระงับแผนการซื้อกิจการในเดือนมกราคม 2025 อ้างเหตุผลด้านความมั่นคง แต่หลังจากเปลี่ยนผ่านอำนาจ นิปปอน สตีล ได้เจรจาต่อเนื่องกับทีมงานของทรัมป์และยื่นข้อเสนอการลงทุนเพิ่มเติม จนกระทั่งคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ (CFIUS) กลับมาพิจารณาใหม่ และนำไปสู่การกลับลำของทรัมป์ในครั้งนี้

ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2024 ถึงไตรมาสแรกปี 2025 US Steel มีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง ยิ่งทำให้ฝ่ายญี่ปุ่นเร่งปิดดีลให้เร็วที่สุด โดยมีเส้นตายล่าสุดคือวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่ CFIUS อนุมัติให้ขยายออกจากกำหนดเดิมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์

แม้ทรัมป์จะให้สัญญาณสนับสนุนผ่านโซเชียลมีเดีย แต่โครงสร้างดีลยังไม่ชัดเจน โดยฝ่ายนิปปอน สตีลยืนยันว่า “การถ่ายทอดเทคโนโลยีไม่ใช่สิ่งที่จะให้เปล่าโดยไม่มีการลงทุนและผลตอบแทน” ยืนยันจุดยืนการถือหุ้น 100%

สหรัฐฯ คือสมรภูมิหลัก ท่ามกลางวิกฤตซัพพลายเชนโลก

เบื้องหลังความพยายามถือครองกิจการทั้งหมดมาจากแนวโน้มการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะเมื่อดีมานด์ภายในญี่ปุ่นลดลง ขณะที่จีนยังคงส่งออกเหล็กเกินความต้องการทั่วโลก โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว ยอดส่งออกเหล็กของจีนเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีก่อนหน้า

นิปปอน สตีล มองว่าสหรัฐฯ เป็น “ตลาดเหล็กระดับไฮเกรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยจะเน้นผลิตและจำหน่ายเหล็กมูลค่าสูงในประเทศ เช่น เหล็กแรงดึงสูงสำหรับรถยนต์ และเหล็กซิลิคอนสำหรับ EV ซึ่งต้องการเทคโนโลยีเฉพาะและการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด

ทรัมป์ยังโพสต์ว่า “US Steel จะยังอยู่ในสหรัฐฯ และสำนักงานใหญ่จะยังคงอยู่ที่เมืองพิตต์สเบิร์ก” เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีบทบาทในการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง แต่ในภาวะที่นโยบายภาษีของทรัมป์มีแนวโน้มผันผวน การเข้าซื้อกิจการจึงยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ จนกว่าจะมีการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการ

การเจรจาขั้นสุดท้ายของดีลนี้ นอกจากต้องเร่งจัดการโครงสร้างให้ชัดเจน ยังต้องโน้มน้าวว่านโยบายถือหุ้น 100% และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูการผลิตของสหรัฐฯ

 

#NipponSteel #USSteel #ซื้อกิจการ #อุตสาหกรรมเหล็ก #Trump #ดีลประวัติศาสตร์ #MadeInUSA #MReportTH #IndustryNews

 

ที่มา: Nikkan Kogyo Shimbun

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH